เปิดใจลูกเสธ.แดง ก่อนเผาพ่อ "เดียร์ขอโทษแทนพ่อในทุกเรื่อง"

เปิดใจลูกเสธ.แดง ก่อนเผาพ่อ "เดียร์ขอโทษแทนพ่อในทุกเรื่อง"

เปิดใจลูกเสธ.แดง ก่อนเผาพ่อ "เดียร์ขอโทษแทนพ่อในทุกเรื่อง"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"เดียร์ ขัตติยา สวัสดิผล" เปิดใจหลังจากเสียพ่อเสธ.แดง พลตรี ขัตติยะ สวัสดิผล เป็นครั้งแรกในงาน Ignite Thailand++ ที่สวนลุมพินี ภายใต้ธีมงานว่า "ปลุกพลังบวก เปลี่ยนประเทศไทย" จัดโดยเครือข่ายพลังบวก โดยในงานมี Igniters 20 คน มาพูดจุดประกายความคิดเชิงบวกให้กับผู้ฟังกว่า 700 คนฟัง ซึ่งไฮไลต์ของงาน กลายเป็น Igniter คนสุดท้าย "เดียร์ ขัตติยา สวัสดิผล" เพราะเธอมาพูดเปิดใจ ในหัวข้อ "การเมืองในครอบครัว" เป็นครั้งแรก หลังการจากไปของพ่อของเธอ

"... นี่เป็นครั้งแรกที่เดียร์ ได้มีโอกาสพูดมาต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้ คือเดียร์เชื่อว่า ทุกคนที่นั่งอยู่ในที่นี้ ต้องมีบางส่วนที่ไม่ชอบคุณพ่อของเดียร์ เนื่องจากคุณพ่อของเดียร์เป็นผู้ฝึกการ์ดให้กับ นปช.

แต่เดียร์อยากขอโอกาสนี้พูดถึงคุณพ่อในอีกแง่มุมหนึ่งที่คุณพ่อมีต่อเดียร์และครอบครัวว่า ผู้ชายที่ชื่อเสธ.แดง พลตรี ขัตติยะ สวัสดิผล ในอีกแง่มุมหนึ่งแล้วเขาเป็นคนที่อ่อนโยนมากขนาดไหน

ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ทุกท่านคงจำได้ว่าเดียร์เป็นข่าว เดียร์มีความขัดแย้งกันในครอบครัว เนื่องจากเดียร์ไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตร และคุณพ่อเป็นผู้ฝึกการ์ดให้กับกลุ่ม นปช.

แต่เชื่อไหมคะว่าเวลาเรากลับมาที่บ้าน เราสองคนพ่อลูกไม่เคยพูดถึงการเมืองที่บ้านเลย ถึงแม้ว่านอกบ้านเราจะมีความคิดแตกแยกกันขนาดไหน แต่มาในบ้านเราเป็นพ่อลูกกัน และสิ่งนี้มันมีผลจนถึงวันที่คุณพ่อถูกยิงที่ศรีษะเมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา

เนื่องจากว่าเดียร์เป็นลูกสาวคนเดียว คุณแม่เสียชีวิตไปเมื่อวันนี้ แต่เป็น 6 ปีที่แล้ว ถึงตอนที่คุณพ่อโดนยิงและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลหัวเฉียวไม่มีใครที่ช่วยคุณพ่อได้เลยนอกจากเดียร์ เนื่องจากเดียร์เป็นลูกสาวคนเดียวของเขา และเดียร์ต้องเป็นคนตัดสินใจชีวิตเขาทุกอย่าง ระหว่างความเป็นกับความตาย

ถ้าเรามองย้อนกลับไปว่า ถ้าเกิดเอาเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในครอบครัว เพราะเดียร์เชื่อว่าทุกครอบครัวมีความคิดแตกต่างทางด้านการเมือง บางคนพ่อเป็นแดง ลูกเป็นเหลือง หรืออะไรก็แล้วแต่ค่ะ

เดียร์ไม่อยากให้ความแตกต่างทางด้านการเมืองมามีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในครอบครัว เพราะสุดท้ายแล้วในวินาทีสุดท้ายของคนบนโลกนี้ คนข้างๆตัว หรือคนในครอบครัวของคุณนี่ล่ะค่ะที่จะเป็นคนตัดสินชีวิตของคุณระหว่างความเป็นกับความตาย

เพราะเมื่อคืนวันที่ 13 หลังจากที่คุณพ่อโดนยิง คุณพ่อเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลหัวเฉียว คุณหมอถามเดียร์ว่าต้องการให้คุณพ่อรักษาตัวที่นี่หรือย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอื่น ถ้าเกิดหากทิ้งคุณพ่อไว้ที่โรงพยาบาลหัวเฉียวโอกาสรอดมี 0% แต่ถ้าเกิดเดียร์ย้ายคุณพ่อไปรักษาที่ โรงพยาบาลวชิรพยาบาลมี 5% เท่านั้นที่คุณพ่อจะรอด

แล้วท่านลองคิดดูนะคะว่า ถ้าเกิดเดียร์เอาเรื่องการเมือง ความแตกแยกทางการเมือง ความเห็นไม่ลงรอยกับคุณพ่อมามีผลกระทบต่อการตัดสินใจ ในวันนั้นมันคงมีผลว่า คุณพ่อคงต้องเสียชีวิตที่โรงพยาบาลหัวเฉียว ไม่ใช่ยื้อชีวิตต่อมาอีก 4 วัน จนมาเสียชีวิตที่วชิรพยาบาล

เดียร์อยากให้เอาข้อคิดข้อนี้ ไปถึงครอบครัวที่มีความแตกแยกกันว่า สุดท้ายแล้ว ณ วินาทีสุดท้ายของเรา เราจะไม่เหลือใครเลยนอกจากคนในครอบครัวของเรา ที่คอยดูแลเราอยู่ข้างๆ เตียงที่โรงพยาบาล ไม่ใช่แกนนำ นปช. ไม่ใช่แกนนำพันธมิตรที่จะมาตัดสินว่า คุณควรจะย้ายไปวชิรพยาบาลหรือไม่

หลังจากนั้น พอวันที่คุณพ่อเสียชีวิต วันที่ 17 พ.ค. และคุณแม่ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อ 6 ปี ที่แล้วเดียร์คือคนเดียวที่จะต้องยืนอยู่บนโลกใบนี้ บางคนอาจจะอ่อนแอ หรือว่าท้อแท้ที่ไม่เหลือทั้งพ่อทั้งแม่ในชีวิต

แค่เดียร์อยากให้ทุกคนคิดว่า เรายังมีชีวิตของเราที่เราจะต้องดำเนินต่อไป และเดียร์อยากให้ทุกคนใช้สิ่งที่คุณพ่อและคุณแม่สอนมา ที่ผ่านมาทั้งหมดในชีวิตของเราเพื่อดำเนินต่อไปในอนาคต เป็นตัวแทนของเขาที่จะก้าวต่อไปในแต่ละวัน

และเดียร์เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เรายืนอยูในโลกนี้ด้วยขาของเราโดยสมบูรณ์แบบที่สุด อย่างเดียร์ คุณพ่อได้ก่อตั้งพรรคขัตติยะธรรมเอาไว้ เดียร์จะเอาไว้สืบสานเจตนารมณ์ของคุณพ่อต่อไปเท่าที่แรงจะสามารถทำได้

เพราะเดียร์เชื่อว่าความที่เป็นลูกพ่อจะสามารถดำเนินพรรคการเมืองต่อไปได้ แล้วถ้าเกิดใครไม่ชอบเสธ.แดง ขอโอกาสนี้ขอโทษให้คุณพ่อจริง ๆ ถ้าเกิดว่าคุณพ่อพูดอะไร หรือว่าทำอะไรให้ใครไม่ถูกใจคนหลาย ๆ คน แต่เชื่อเถอะว่าคุณพ่อมีเหตุผลส่วนตัว..."

 

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.oknation.net/blog/chaiyospun/2010/06/17/entry-1 

--> รปภ.เข้มพระราชทานเพลิงศพเสธ.แดง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook