รัฐบาลไทยเตรียมจัดประชุมผู้นำอาเซียนที่หัวหิน
รัฐบาลไทยเตรียมจัดประชุมอาเซียนซัมมิทที่หัวหิน รอบแรกระหว่างวันที่ 27-28 ก.พ.และ 1 มี.ค. มาร์ค ยอมรับหนีกลุ่มเสื้อแดง ฝ่ายความมั่นคงจึงเสนอให้เปลี่ยนสถานที่ ขอเวลา1สัปดาห์ตั้งกลไกพิเศษสะสางคดีความ รัฐบาล เดินหน้าเคลียร์ข้อข้องใจแกนนำเสื้อแดง
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 7 ม.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุมเตรียมการการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 14 มีความเห็นว่าเพื่อให้เกิดความพร้อมในทุกๆด้าน และความเรียบร้อยของทุกฝ่ายก็จะมีการจัดการประชุมที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพราะคิดว่าอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ทำให้การประชุมเป็นไปด้วยความราบรื่นที่สุด และการตัดสินใจครั้งนี้ก็ไม่ใช่เป็นการย้ายสถานที่ไปๆมาๆ
เนื่องจากที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงก่อนหน้า โดยมีลักษณะที่จะจัดการประชุมทั้งในและนอกสถานที่ ต่อมาภายหลังก็นำมารวมกัน แต่เมื่อกำหนดเวลาของประเทศคู่เจรจากับประเทศสมาชิกไม่ลงตัว เราก็ต้องกลับมาจัดเป็น 2 รอบ ใหม่ รอบแรกจะเป็นการประชุมเฉพาะ 10 ประเทศสมาชิก ในวันที่ 27-28 ก.พ.และ 1 มี.ค. ส่วนรอบที่สองคือการประชุมกลุ่มประเทศอาเซียน 10 + 3 และ 10 + 6 ซึ่งเวลาที่เป็นไปได้มากที่สุดคือในช่วงปลายเดือน เม.ย. และการจัดการประชุม 2 รอบจะไม่มีผลต่อการดำเนินงานของอาเซียน และที่เรารีบทำรอบแรกก็เป็นเรื่องการทำข้อตกลงในเรื่องของกฎบัตรอาเซียนให้เสร็จ ส่วนคู่เจรจาก็จะเป็นเรื่องต่อไปในการหารือรอบ 2
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณาย้ายสถานที่การประชุมด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่า ก็เป็นหนึ่งในข้อพิจารณา ความจริงถ้าจะยืนยันจัดการประชุมที่ กทม.ก็สามารถยืนยันได้แต่การชุมนุมต่างๆ ก็มีการประกาศที่จะขัดขวางตนจึงไม่อยากให้เกิดปัญหาเหมือนกับที่ตนยอมทำตามที่ประธานรัฐสภานัดย้ายสถานที่แถลงนโยบายรัฐบาลนอกสถานที่ก็ไป เพราะไม่ต้องการให้คนไทยเสียเลือดเนื้อ ส่วนที่เลือกสถานที่เป็นที่อำเภอหัวหินนั้น ก็เพราะทางฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายรักษาความปลอดภัยมั่รนใจว่าจะดูแลการประชุมได้ง่ายกว่า
เมื่อถามถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงจะมีการขยายวงกว้างหรือไม่ เพราะล่าสุดผู้ใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์เดินทางไปที่ใดก็ถูกต่อต้าน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความจริงไม่ได้ต่างจากเดิม รู้ปแบบที่เกิดขึ้นเริ่มมาตั้งแต่ปี 2549 ครั้งแรกคือที่จังหวัดเชียงใหม่ที่ตนเจอด้วยตนเองก็เป็นรูปแบบที่ต่อเนื่องไม่ได้ลุกลามมากขึ้น ต่อข้อถามว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ระบุว่ากลุ่มเสื้อแดงเคลื่อนไหวเป็นขบวนการที่ต้องการให้รัฐบาลยุบสภาภายใน 3-6 เดือน นายกรัฐมนตรี กล่าว่า เป็นข้อเรียกร้องของเขาตนก็รับทราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่ายังยืนยันที่จะเดินทางไปได้ในทุกภูมิภาคตามที่ได้แถลงไว้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "ไปได้ เหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่นายชวน หลีกภัย เดินทางไปช่วยผู้สมัครหาเสียงที่ลำพูน ลำปางก็เป็นไปตามเป้าหมายทุกอย่าง ผมมีโอกาสสอบถามนายชวนก็บอกว่ากำหนดการทั้งหมดก็สามารถเดินตามที่วางไว้
ขอเวลา1สัปดาห์ตั้งกลไกพิเศษสะสางคดีความ
นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งกลไกพิเศษเพื่อดูแลคดีต่างๆให้เกิดความเป็นธรรมตามกฎหมาย ว่า ขณะนี้กำลังดูอยู่ขอเวลาประมาณ 1 สัปดาห์เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดกับหลายๆ ฝ่ายว่าวิธีที่ดีที่สุดจะเป็นอย่างไร ซึ่งจะเป็นกลไกที่จะช่วยทำให้ทุกฝ่ายมีความมั่นใจมากขึ้นว่าจะได้รับความเป็นธรรม และจะมีการประมวลเหตุการณ์ ที่มาที่ไป ซึ่งจะเป็นกรอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่ผ่านมีหลายเหตุการณ์มีคดีความจำนวนมากและหลายรูปแบบ จึงพยายามหาทางที่จะทำให้มุมมองสำหรับคนที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อให้ความเป็นธรรมต่อการสะสางปัญหาความขัดแย้งที่มีการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องเข้ามาช่วยทำงาน ก็ต้องขอเวลาในการหากลไกตรงนี้ก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลไกพิเศษที่จะตั้งขึ้นมาจะพิจารณาเกี่ยวกับคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับประชาชน ส่วนกรณีของอดีตนายกรัฐมนตรีก็เป็นคดีเฉพาะต่างหากอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นการเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อถามว่าจะเป็นเรื่องการยอมในบางคดีเพื่อให้เกิดความสมานฉันท์หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้คิดถึงเรื่องอย่างนั้น คิดแต่เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับประชาชนและมีแง่มุมทางการเมืองและสิทธิเสรีภาพ ต้องดูว่าจะสะสางกันอย่างไร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การดำเนินการต่างๆเพื่อสะสางคดีนั้น ไม่มีผลกระทบอะไรกับรัฐบาล เพราะรัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ต้องสามารถที่จะบริหารจัดการได้อย่างมีความเป็นธรรม ถ้ามีปัญหากระทบกระทั่งกันบ้างก็ต้องทำความเข้าใจกัน สุดท้ายต้องยืนยันหลักการที่จะทำให้รัฐบาลตอบคำถามได้ ถ้าจะกระทบกันบ้างก็ต้องแก้ไขกันโดยการเมือง
สุเทพ รับกันม็อบเสื้อแดงตามก่อกวน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 16.15 น.พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางเข้าหารือกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีที่ตึกบัญชาการ โดยใช้เวลาในการหารือนานร่วม 1 ชั่วโมง ภายหลังการประชุมนายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้มาหารือเรื่องปัญหาการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง แต่มาหารือเรื่องการเตรียมการดูแลผู้นำอาเซียน เนื่องจากต้องใช้เวลาเตรียมการ โดยย้ำให้ ผบ.ตร.ต้องมาดูแลด้วยตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะถือเป็นหน้าตาของประเทศ ที่ไทยจะต้องสร้างความมั่นใจและความสุขให้ผู้นำอาเซียนที่มาประชุม ไม่ใช่เกิดเรื่องไม่ดีให้ประเทศเสียหาย
นายสุเทพ กล่าวว่า ส่วนเหตุผลการย้ายสถานที่ประชุมจากกทม.เป็น อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีหลายเหตุผล ที่สำคัญคือ ปกติการประชุมอาเซียนมักจะประชุมที่เมืองตากอากาศ เพื่อต้อนรับแขกแต่ละประเทศ เห็นว่า หัวหินเหมาะสมที่สุด ส่วนเรื่องกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะไม่ตามมาก่อกวนก็ถือเป็นเหตุผลหนึ่ง เพราะรัฐบาลไม่ต้องการสร้างเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงขึ้นในบ้านเมือง ดังนั้นพื้นที่ที่คิดว่า สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าได้ จึงเลือกที่นี่
เมื่อถามว่า ที่ย้ายไปหัวหิน แสดงว่ามั่นใจว่า กลุ่มเสื้อแดงจะไม่ตามไปชุมนุม นายสุเทพตอบว่า มีหลายเหตุผล ทั้งที่เป็นเหตุผลสมควรพูด และไม่สมควรพูด แต่อ.หัวหินจะดูแลความปลอดภัยง่ายกว่า คิดว่าพื้นที่นี้ป้องกันได้ อย่างไรก็ตามกระทรวงการต่างประเทศต้องเป็นผู้แจ้งไปยังประเทศมาชิกต่างๆ ตนดูแลเรื่องความปลอดภัยเท่านั้น คิดว่าประเทศสมาชิกไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนจะใช้กำลังตำรวจเท่าใดเป็นหน้าที่ของผบ.ตร.ต้องไปดูรายละเอียดเอง
เมื่อถามว่า เป็นเพราะต้องการผู้นำอาเซียนเข้าเฝ้าฯได้ง่าย ใช่หรือไม่ นายสุเทพตอบว่า เรื่องของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น เราอย่านำมาอ้างดีกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า เตรียมการแก้ปัญหาการชุมนุมของคนเสื้อแดงในระยะยาวหรือยัง เพราะบอกว่าจะมาชุมนุมที่ทำเนียบฯทุกวัน นายสุเทพตอบว่า เรื่องเสื้อแดงไม่มีปัญหา ไม่เป็นไรค่อยๆแก้กันไป ตื่นเช้ามาได้ยินเสียงไชโยๆบ้าง จะได้ไม่เหงา
รัฐบาล เดินหน้าเคลียร์ข้อข้องใจแกนนำเสื้อแดง
นายปณิธาน วัฒนายากร ว่าที่รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงหลายจุดขณะนี้ ว่า เป็นเรื่องที่คาดเดาตั้งแต่จัดตั้งรัฐบาลได้ว่าจะมีประชาชนจำนวนหนึ่งที่ไม่พอใจ ซึ่งหากการเคลื่อนไหวยังอยู่ในระดับนี้ก็ถือว่าไม่รุนแรง ส่วนรัฐบาลมีนโยบายในการแก้ปัญหาด้วยการดำเนินการทุกอย่างด้วยความเป็นธรรมสร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นกับทุกฝ่ายพร้อมไปกับพยายามทำความเข้าใจกับแกนนำการชุมนุม นอกจากนี้ยังต้องขจัดปัญหาที่เป็นพื้นฐานความไม่พอใจของประชาชนให้ได้ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางการเมืองหรือปัญหาเศรษฐกิจ