สธ.วิจัย จู๋ หลังโจ๋ไทยใช้ถุงยางใหญ่ขึ้น
กระทรวงสาธารณสุข วิจัยขนาด เจ้าโลก ชายไทย เพื่อหาขนาดที่แท้จริง หลังพบกลุ่มวัยรุ่นใช้ถุงยางอนามัยขนาดใหญ่ขึ้น
(21 มิ.ย.)นพ.สมยศ กิตติมั่นคง หัวหน้ากลุ่มโรคเอดส์ สำนักโรคเอดส์วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ช่วงวันเอดส์โลก 1 ธ.ค. 2552 ทางสำนักโรคเอดส์ฯได้มีการทำแบบสำรวจขนาดอวัยวะเพศชายไทยในกลุ่มวัยรุ่น พร้อมรณรงค์แจกสายวัดขนาดอวัยวะเพศชาย เพื่อใช้ช่วยเลือกซื้อถุงยางอนามัยให้ถูกขนาดตามอวัยวะเพศของตนเอง
หัวหน้ากลุ่มโรคเอดส์ฯ กล่าวว่า การที่ต้องสำรวจขนาดอวัยวะเพศชาย เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของเด็กไทย อีกทั้งพบว่าการแจกถุงยางอนามัย ซึ่งโดยปกติจะแจกถุงยางอนามัยขนาด 49 มม. แต่ช่วงหลังมักมีการขอขนาด 52 มม.อยู่เป็นประจำ จึงจำเป็นจะต้องสำรวจขนาดที่แท้จริงของชายไทย เพื่อใช้ประกอบการรณรงค์ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่อไป
"การสำรวจนั้น เพื่อหาทางรณรงค์การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น เพราะปัจจุบันพบว่าอายุของผู้ที่เป็นโรคเอดส์จากการมีเพศสัมพันธ์ต่ำลงอยู่ที่ 13 ปี ซึ่งถือว่าน้อยมาก ขณะเดียวกันยังจะช่วยแก้ปัญหาในกรณีที่ถุงยางอนามัยหลุดติดคาอยู่ในอวัยวะเพศหญิง ซึ่งได้รับรายงานจากโรงพยาบาลหลายแห่งว่ามีผู้หญิงมาพบแพทย์เพื่อให้ช่วยดึงถุงยางอนามัยออกเยอะมาก" หัวหน้ากลุ่มโรคเอดส์ฯ กล่าว
นพ.สมยศ กล่าวต่อว่า สาเหตุการใช้ถุงยางอนามัยที่มีขนาดใหญ่เกินไป และหลุดติดอยู่ในอวัยวะเพศหญิงจะเกิดผลเสียแน่นอน คือ จะเกิดเชื้อแบคทีเรียส่งผลให้อวัยวะเพศเน่าได้
"การใส่ถุงยางอนามัยใหญ่เกินขนาด อาจทำให้ไม่กระชับ และยังลื่นหลุดได้ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ และหากมีขนาดที่เล็กจะทำให้เกิดการบีบรัด ซึ่งทั้ง 2 กรณีจะทำให้เกิดความกังวล อาจส่งผลทำให้ความรู้สึกทางเพศลดลงได้ จนกลายเป็นสาเหตุทำให้ไม่อยากสวมใส่ ส่งผลต่อการป้องกันเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งหากเลือกถุงยางอนามัยในขนาดที่เหมาะสมจะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้" นพ.สมยศ กล่าว