แม่วัย 57 ป่วยโทรหาลูกสาว ตอบมาประโยคเดียว ฟังแล้วน้ำตาไหล เปลี่ยนใจไม่ให้มรดก!

แม่วัย 57 ป่วยโทรหาลูกสาว ตอบมาประโยคเดียว ฟังแล้วน้ำตาไหล เปลี่ยนใจไม่ให้มรดก!

แม่วัย 57 ป่วยโทรหาลูกสาว ตอบมาประโยคเดียว ฟังแล้วน้ำตาไหล เปลี่ยนใจไม่ให้มรดก!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรื่องราวที่โพสต์บนฟอรัม Toutiao (โซเชียลเน็ตเวิร์กของจีน) นางฮา หญิงชาวจีนอายุ 57 ปี ดึงดูดความสนใจของสาธารณะชนได้เป็นอย่างมาก เมื่อวันหนึ่งเธอเป็นไข้และตัดสินใจโทรหาลูกสาว แต่กลับได้คำพูดที่ฟังแล้วใจสลายมาว่า "น่ารำคาญมาก" ทำให้น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ และตัดสินใจล้มเลิกความคิดที่จะมอบมรดกทั้งหมด เปลี่ยนมาเป็นเก็บเงินเหล่านั้นไว้ดูแลตัวเอง

นางฮาเล่าว่า ในวันนั้นเธอเป็นไข้ และเนื่องจากสามีอยู่ระหว่างเดินทางไปทำธุรกิจ เธอจึงต้องโทรหาลูกสาวเพียงคนเดียว แต่หลังจากโทรหา 3 ครั้ง ก็ยังไม่มีคนรับสาย แม้จะรอให้ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมงผ่าน ก็ยังไม่มีสายโทรกลับ และไม่มีข้อความตอบกลับมา เธอทำได้เพียงโทรหาลูกอีกครั้ง และในที่สุดก็มีคนรับโทรศัพท์ จึงรีบพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งถึงจุดประสงค์ที่ติดต่อมาทันที ว่าอยากให้ลูกสาวกลับบ้านมาช่วยดูแลสักหน่อย หรือไม่ก็ช่วยพาเธอไปส่งโรงพยาบาล เนื่องจากเธอรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแล้ว

แต่ลูกสาวตอบกลับมาอย่างไม่อดทนว่า “แม่ แม่นี่น่ารำคาญจริงๆ ถ้าพ่อไม่อยู่บ้าน บางอย่างจะเกิดขึ้นกับแม่ ไม่สบายตรงนั้น ไม่สบายตรงนี้ หนูมีงานเลี้ยงสำคัญ ช่วยรอหน่อย”

เมื่อได้ยินคำพูดของลูกสาวก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหล แต่ยังปลอบตัวเองโดยบอกว่าลูกสาวทำงานยุ่งเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ดี เธอก็ยังรู้สึกว่าลูกสาวควต้องจัดลำดับความสำคัญด้วย เพราะถ้าไม่ได้ป่วยจริงๆ เธอจะไม่โทรหาลูกสาวโดยไม่มีเหตุผล สุดท้ายหลังจากผ่านมา 3 ชั่วโมง ลูกสาวจึงกลับมาที่บ้านโดยนำน้ำเย็นหนึ่งแก้ว และขนมปังแห้งๆ 2 แผ่น มาวางข้างเตียง บอกให้กินเอง เพราะเธอเหนื่อยมากและต้องไปนอน

สุดท้ายเธอต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรเรียกรถพยาบาล ซึ่งลูกสาวก็ตามไปที่โรงพยาบาลด้วย หมอบอกว่า "ถ้ามาช้าอีกหน่อยอาจมีไข้จนชักได้" เธอจึงใช้สามารถแสดงความไม่พอใจมองลูกสาวตรงๆ แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่าแม่จงใจทำสิ่งนี้เพื่อให้เธออับอาย และปล่อยให้คนอื่นมองว่าเธอไม่กตัญญู

หลังจากแอดมิตให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำเป็นเวลา 3 วัน โดยที่ลูกสาวไม่แม้แต่มานอนเฝ้าไข้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องออกจากโรงพยาบาล เธอก็โทรหาลูกสาวให้มารับกลับบ้าน ซึ่งลูกก็มาอย่างไม่เต็มใจเช่นเคย อีกทั้งยังโกรธและบ่นเรื่องเดิมๆ ซึ่งทำให้เธอผิดหวังในตัวลูกสาวมาก

มีคนเคยบอกว่าลูกสาวคือเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายตัวของพ่อแม่ เป็นความอบอุ่นอ่อนโยนในใจพ่อแม่ในวันที่ลมแรง แต่ด้วยเหตุผลบางประการ เสื้อแจ็คเก็ตผ้าฝ้ายตัวน้อยอายุ 28 ปีของเธอ กลับทำให้เธอรู้สึกได้รับลมอันหนาวเย็นมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก เพราะทัศนคติของลูกสาวกลับทำให้เธอเสียใจมาก

แม่เปลี่ยนใจเรื่องมรดก

นางฮา อายุ 57 ปี เงินบำนาญต่อเดือนอยู่ที่ 4,600 หยวน (ประมาณ 23,200 บาท) ส่วนสามีจะเกษียณในอีก 3 ปี มีลูกสาวคนเดียวอายุ 28 ปี ยังไม่ได้แต่งงาน เรียนจบปริญญาโท ทำงานในเมืองเดียวกันนี้มา 2 ปีแล้ว แต่อาศัยแยกอยู่ในบ้านหลังอื่น ซึ่งเป็นทรัพย์สินของครอบครัวจึงไม่ต้องจ่ายค่าเช่า ไม่เช่นนั้นเงินเดือนของเธอคงไม่เพียงพอที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้

ในตอนแรกเธอและสามีคิดจะยกบ้านหลังดังกล่าวให้ลูกสาว และวางแผนที่จะจัดงานแต่งงานของลูกสาว พร้อมมอบเงินเก็บให้เป็นของขวัญจำนวน 300,000 หยวน (มากกว่า 1.5 ล้านบาท) เพราะกลัวว่าอนาคตลูกจะลำบาก

แต่หลังจากออกจากโรงพยาบาลในครั้งนี้ ความเฉยเมยของลูกสาวทำให้เธอกลัวที่จะจินตนาการว่าในอนาคตเมื่อแก่ตัวลง เธอและสามีจะยังสามารถพึ่งพาลูกสาวได้หรือไม่? เธอตระหนักได้ว่าเมื่อแก่ตัวลง เราต้องเรียนรู้ที่จะรักตัวเองมากขึ้น

ตอนนี้จึงเปลี่ยนใจแล้ว ไม่ว่าลูกสาวจะแต่งงานหรือไม่ บ้านก็ต้องเป็นชื่อของเธอและสามีตามเดิม ส่วนเงิน 300,000 หยวน ก็ควรเก็บไว้เพื่อใช้ในปีต่อๆ ไป แม้ว่าลูกสาวของจะไม่สนใจ แต่เธอและสามีก็ยังสามารถใช้เงินเพื่อจ้างคนมาดูแลได้ "ฉันอายุแค่ 57 ปี ฉันต้องวางแผนชีวิตให้ดี"

เธอจะไม่มุ่งความสนใจไปที่ลูกสาวอีกต่อไป ถ้าลูกสาวอยากกลับบ้านเธอก็จะเลี้ยงดูอย่างอบอุ่น แต่ถ้าลูกไม่อยากกลับบ้าน ก็จะไม่โทรไปเรียกหาอีกเด็ดขาด และก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องส่งซองเงินต่างๆ ให้ลูกสาวเป็นครั้งคราว เพื่อพยายามทำให้ลูกพอใจและใกล้ชิดกับกันมากขึ้นอีกแล้วเช่นกัน เพราะความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ดำรงไว้ด้วยเงิน จะจบลงในสถานการณ์ที่เลวร้ายลงเมื่อไม่มีเงิน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook