สาวสวยสุขภาพแข็งแรง จู่ๆ เดินไม่ได้เหมือนเป็นอัมพาต อึ้ง จุดเริ่มต้นจากปอดอักเสบ

สาวสวยสุขภาพแข็งแรง จู่ๆ เดินไม่ได้เหมือนเป็นอัมพาต อึ้ง จุดเริ่มต้นจากปอดอักเสบ

สาวสวยสุขภาพแข็งแรง จู่ๆ เดินไม่ได้เหมือนเป็นอัมพาต อึ้ง จุดเริ่มต้นจากปอดอักเสบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สาวสวยสุขภาพแข็งแรง จู่ๆ เดินไม่ได้เหมือนเป็นอัมพาต อึ้ง จุดเริ่มต้นจากปอดอักเสบ หมอบอกป่วยโรคหายาก กิลแลง บาร์เร ซินโดรม ( GBS )

สาวสวยรายหนึ่งชื่อ คุณเบย์ แชร์เรื่องราวชีวิตของตัวเองลงใน TikTok bebey99 จากคนที่ออกกำลังกายทุกวัน ไม่กินเหล้า ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่สูบบุหรี่ ร่างกายดูแข็งแรง แต่ใครจะไปรู้ว่า จู่ๆ วันหนึ่ง เธอกลับเดินไม่ได้แบบไม่รู้สาเหตุว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร และ มันทำให้ชีวิตของเธอทรมานมาหลายเดือน

คุณเบย์บอกว่า อาการที่เกิดขึ้น คือ อาการของโรคกิลแลง-บาร์เร ซินโดรม เธอเริ่มมีอาการมาตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 67 อาการตอนนั้น คือ ลุกเองไม่ได้ นั่งก็จะล้มลูกเดียว เธอจึงไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง พร้อมกับทำกายภาพไปด้วย ซึ่งคุณหมอได้ขอเจาะน้ำกระดูกไขสันหลังไปตรวจ ทำให้รู้ว่า เธอป่วยเป็น กิลแลง-บาร์เร ซินโดรม  (Guillain Barre syndrome) 

กิลแลง-บาร์เร ซินโดรม เกิดจากภูมิคุ้มกันไปทำลายตัวเอง ทำให้เส้นประสาทเสียหาย จึงทำให้ควบคุมกล้ามเนื้อบางส่วนไม่ได้ แต่สาเหตุของการเกิดโรคจริงๆ คุณหมอก็ยังตอบคุณเบย์ไม่ได้ และ ในประเทศไทย น้อยมากที่จะมีคนป่วยเป็นโรคนี้

แต่เมื่อย้อนกลับไป คล้ายกับว่าร่างกายของเธอ บ่งบอกสัญญาณมาก่อนหน้านี้แล้วค่ะ เธอป่วยเป็นไซนัสอักเสบ ทอนซิลอักเสบ และ ปอดอักเสบ 1 เดือน ก่อนจะมาเดินไม่ได้ 

ตอนนี้ คุณเบย์รักษาโรคกิลแลง-บาร์เร ซินโดรม  มา 2 เดือนกว่าแล้ว โดยรับ lvig หรือ ใช้อิมมูโนโกลบูลิน (intravenous immunoglobulin, IVIg) ทางหลอดเลือด บวกกับการทำกายภาพบำบัดไปด้วย อาการตอนนี้คงที่ และ ต้องเฝ้าดูว่าร่างกายจะตอบสนองต่อการรักษาหรือไม่ หากร่างกายไม่ตอบสนองกับยา ต้องทำพลาสม่าตามที่คุณหมอแนะนำ ซึ่งคุณหมอก็ได้บอกกัว่า โรคนี้สามารถหายขาดได้ แต่ต้องใช้เวลา ซึ่งขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน

GBS หรือกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร (Guillan Barre Syndrome) 

จัดอยู่ในภาวะภูมิคุ้มกันแปรปรวนที่พบได้ค่อนข้างยาก เกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติและผลิตสารภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี ออกมาทำลายเซลล์ประสาทของระบบประสาทรอบนอกจนอักเสบและสูญเสียการทำงาน ส่งผลให้ผู้ป่วยรู้สึกอ่อนแรง มึนงง เกิดเหน็บชาตามร่างกายในระยะแรก และอาการอาจรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นอัมพาตในที่สุด

ในปัจจุบันทางการแพทย์แบ่งกลุ่มอาการ GBS ออกเป็นหลายชนิด โดยชนิดหลัก ๆ ที่มักพบมีดังนี้

  • Acute Inflammatory Demyelinating Polyradiculoneuropathy: AIDP เป็นชนิดที่พบได้มากที่สุด อาการทั่วไปคือกล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยเริ่มจากอวัยวะส่วนล่างของร่างกายอย่างเท้าและขา แล้วค่อย ๆ ลุกลามขึ้นไปยังอวัยวะส่วนบน เช่น แขน ใบหน้า เป็นต้น
  • กลุ่มอาการมิลเลอร์ ฟิเชอร์ (Miller Fisher Syndrome: MFS) กลุ่มอาการ GBS ชนิดนี้พบบ่อยในชาวเอเชีย ผู้ป่วยจะเกิดอัมพาตบริเวณดวงตาเป็นอันดับแรก
  • Acute Motor-Sensory Axonal Neuropathy: AMSAN  และ Acute Motor Axonal Neuropathy: AMAN เป็นชนิดที่มักพบในคนจีน ญี่ปุ่น และเม็กซิกันเป็นหลัก

อาการของกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร

กลุ่มอาการ GBS ในระยะแรกมักเริ่มจากมีอาการเหน็บชา ตามส่วนล่างของร่างกาย เช่น หัวแม่เท้า เท้า และขา แล้วค่อย ๆ ลุกลามไปยังแขนและนิ้วมือ จากนั้นจึงเริ่มมีอาการอื่น ๆ ที่อาจสังเกตได้ ดังนี้

  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยมักเกิดขึ้นกับอวัยวะส่วนล่างของร่างกาย เช่น บริเวณเท้าหรือขา แล้วลุกลามขึ้นไปยังส่วนบนของร่างกาย
  • เคลื่อนไหวกล้ามเนื้อใบหน้าและดวงตาได้ลำบาก ส่งผลให้พูด เคี้ยว และกลืนอาหารลำบากไปด้วย
  • เดินลำบาก ท่าเดินไม่มั่นคง มีอาการเซ หรือเดินขึ้นบันไดไม่ได้
  • มีอาการปวดตามร่างกายอย่างรุนแรง อาจรู้สึกเจ็บคล้ายเป็นตะคริว และอาจปวดมากขึ้นในช่วงกลางคืน
  • ปวดหลังช่วงล่างอย่างรุนแรง
  • กลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่อยู่
  • หัวใจเต้นเร็ว
  • ความดันโลหิตสูงหรือต่ำกว่าปกติ
  • หายใจลำบาก
  • อัมพาต มักเกิดขึ้นกับร่างกายทั้งซีกซ้ายและซีกขวา

หลังจากเริ่มแสดงอาการในระยะต้น เช่น เหน็บชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการของผู้ป่วยจะทรุดลงใน 2-4 สัปดาห์ และเข้าสู่ระยะฟื้นตัวเมื่อถึงช่วงสงบของโรคใน 2-4 สัปดาห์ต่อมา ทั้งนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการแย่ลงมากภายในเวลาเพียง 2-3 ชั่วโมงได้เช่นกัน

สาเหตุของกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร

เมื่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายหันมาทำลายเซลล์ประสาทของระบบประสาทรอบนอก ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางคอยแปลงสัญญาณจากสมองเพื่อส่งไปยังกล้ามเนื้อให้เคลื่อนไหวตามคำสั่ง เซลล์ประสาทจะเกิดการอักเสบและสูญเสียการทำงาน ส่งผลให้กล้ามเนื้อรับสัญญาณที่สมองส่งมาไม่ได้และมีอาการของ GBS ดังข้างต้น

ทั้งนี้ กลุ่มอาการ GBS เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่ผู้ป่วยส่วนมากอยู่ในวัยผู้ใหญ่ และเป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยในปัจจุบันทางการแพทย์ยังไม่พบสาเหตุที่แน่ชัดของกลุ่มอาการนี้ แต่เชื่อว่าอาจมีปัจจัยเสี่ยงบางอย่างที่กระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานผิดปกติ ได้แก่

  • การติดเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อแคมไพโลแบคเตอร์เจจูไน (Campylobacter Jejuni) ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียและเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักที่อาจก่อให้เกิดกลุ่มอาการ GBS ตามมา รวมถึงการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารจากเชื้อโรคอื่น ๆ การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ โรคติดเชื้อเอชไอวี (HIV) โรคติดเชื้อไซโตเมกะโลไวรัส (Cytomegalovirus) โรคติดเชื้อไวรัสเอ็บสไตบาร์ (Epstein-Barr Virus) โรคปอดอักเสบจากไมโคพลาสม่า (Mycoplasma Pneumonia) เป็นต้น
  • วัคซีน เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ แต่มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก

การรักษากลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร

กลุ่มอาการ GBS ไม่มียาหรือวิธีรักษาเฉพาะ แต่ร่างกายคนเราสามารถเยียวยาตนเองให้หายได้ เพียงแต่ต้องใช้ระยะเวลา แนวทางการรักษาจึงทำโดยประคับประคองอาการไม่ให้แย่ลง เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ดังนี้

  • การแลกเปลี่ยนพลาสม่า (Plasmapheresis) มีจุดประสงค์เพื่อกำจัดแอนติบอดีผิดปกติในพลาสม่าที่เข้าทำลายเซลล์ประสาท โดยจะถ่ายเลือดออกจากร่างกายผู้ป่วยแล้วใช้เครื่องมือพิเศษแยกแอนติบอดีที่ผิดปกติออกจากเลือด จากนั้นจึงนำเลือดที่ปราศจากแอนติบอดีดังกล่าวกลับคืนสู่ร่างกาย
  • การบำบัดรักษาด้วยอิมมูโนโกลบูลิน (Immunoglobulin Therapyคือการรักษาด้วยการให้อิมมูโนโกลบูลิน ซึ่งนอกจากจะมีแอนติบอดีที่ดีต่อร่างกายเป็นองค์ประกอบแล้ว ยังมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการทำงานของแอนติบอดีที่ผิดปกติอีกด้วย อย่างไรก็ตาม วิธีรักษาด้วยการแลกเปลี่ยนพลาสม่าหรือการบำบัดด้วยอิมมูโนโกลบูลินนั้นมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน ซึ่งจะเลือกใช้วิธีใดก็ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์และความพอใจของผู้ป่วยเป็นหลัก
  • วิธีการรักษาอื่น ๆ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จำเป็นต้องได้รับการทำกายภาพบำบัดในช่วงก่อนและระหว่างที่รอฟื้นตัว เพื่อสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อ รวมทั้งอาจได้รับยาบรรเทาอาการปวดและป้องกันเกล็ดเลือดจับตัวเป็นลิ่มในระหว่างที่ผู้ป่วยเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้

การป้องกันกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร

กลุ่มอาการ GBS ไม่อาจป้องกันได้ เนื่องจากทางการแพทย์ยังไม่ทราบถึงสาเหตุที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ เช่น การรักษาสุขภาพให้แข็งแรงและมีสุขอนามัยที่ดี อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อชนิดต่าง ๆ ที่นำไปสู่การเกิด GBS ได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook