โฟมเหลือใช้อย่าทิ้ง! นำไปเป็น "วัสดุก่อสร้าง" ลดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้นะ
"โฟม" ถือเป็นวัสดุที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในโลก โดยใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะใช้เพื่อบรรจุอาหาร หรือใช้เป็นอุปกรณ์กันกระแทกสำหรับขนส่ง
อย่างไรก็ตามหากเทียบความสะดวกสบายกับปัญหาจากขยะโฟมที่เกิดขึ้น ก็อาจไม่คุ้มกับโลกเราเท่าไร เนื่องด้วยโฟมไม่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ หากจะทำลายต้องนำไปฝัง แต่ก็ใช้พื้นที่มาก และหากเผาก็อาจเกิดมลพิษทางอากาศ
ดังนั้นการหาแนวทางในการกำจัดขยะโฟมที่มีประสิทธิภาพ และเปลี่ยนขยะโฟมให้เป็นประโยชน์อื่น ๆ ก็จะช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังสามารถนำไปต่อยอดเป็นธุรกืจได้อีก
อย่างล่าสุด มีงานวิจัยและนวัตกรรม “การเปลี่ยนขยะโฟมขาว PS สู่วัสดุก่อสร้างมวลเบา” ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อุทัย มีคำ อาจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีการออกแบบ สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เป็นผู้ทำการวิจัย
นวัตกรรมเปลี่ยนขยะโฟมขาว สู่วัสดุก่อสร้างมวลเบา
งานวิจัยนี้ได้มีการนำขยะโฟมขาว PS ซึ่งเป็นโฟมที่ภาคอุสาหกรรมส่วนใหญ่นิยมนำมาเป็นอุปกรณ์กันกระแทกเวลาขนส่งพัสดุ นำมาผ่านกระบวนการบด 2 ครั้ง คือ บดหยาบขนาดเท่าลูกหิน และบดละเอียดให้ได้ขนาดเท่าทรายเม็ดเล็ก
หลังจากนั้นเคลือบเม็ดโฟมละเอียดด้วยกาวยึดติดเม็ดโฟม ขั้นตอนสุดท้ายนำเม็ดโฟมที่ผ่านการเคลือบกาวแล้ว มาผสมคลุกกับขี้เถ้าลอยที่ได้จากโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อป้องกันไม่ให้เม็ดโฟมเกาะกันเป็นก้อนระหว่างรอการเซ็ตแข็งตัวของกาว ท้ายสุดจะได้วัสดุที่ลักษณะคล้ายเม็ดกรวดเล็ก ๆ พร้อมนำไปเป็นส่วนประกอบของวัสดุก่อสร้างเชิงวิศวกรรมทดแทน กรวด หรือทรายที่สามารถนำไปขึ้นรูปต่าง ๆ ตามความต้องการใช้งาน เช่น อิฐบล็อก อิฐมวลเบา เป็นต้น
จากการทดลองในห้องปฏิบัติการได้ออกแบบเป็น แผ่นปูพื้น แผ่นปูผนัง เพิ่มสีสันความสวยงาม ที่ยังคงความแข็งแรงแต่มีน้ำหนักเบาเมื่อเทียบกับอัตราส่วนทั่วไป เชื่อว่าจะเป็นทางเลือกใหม่สำหรับวัสดุมวลเบาเพื่อการก่อสร้างต่อไป
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. อุทัย เปิดเผยว่า จากสภาพปัญหาปัจจุบันของปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะขยะพลาสติก ขยะโฟมกล่องบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ต้องใช้ระยะเวลานานในการย่อยสลาย หรือวิธีการกำจัดที่ต้องใช้มูลค่าสูง นวัตกรรมนี้มุ่งไปที่ขยะโฟมขาวชนิดโฟม POLYSTYRENE (PS) ที่ถูกใช้เป็นวัสดุกันกระแทก และกล่องรักษาความเย็น ซึ่งมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมีแนวคิดในการเปลี่ยนขยะโฟมขาว ให้เป็นวัสดุก่อสร้างมวลเบา ตามหลักการประยุกต์ใช้ในการออกแบบผลิตภัณฑ์มวลเบา (Lightweight Product Design Applications)
โดยนำวัสดุเหลือใช้จากภาคอุตสาหกรรม หรือบรรจุภัณฑ์ที่ขึ้นรูปจากโฟมขาว ที่พบทั่วไป นำมาเพิ่มมูลค่า (Upcycling) ทำให้ได้ “วัสดุมวลเบาเชิงวิศวกรรม (Lightweigt Engineered)” รูปแบบใหม่ ที่มีคุณสมบัติพิเศษเหมาะสมสำหรับอุตสาหกรรมการก่อสร้าง โดยมีคุณสมบัติโดดเด่น คือ เป็นวัสดุมีน้ำหนักเบา สามารถปรับรูปแบบ ขนาด รูปร่าง ได้ตามความต้องการใช้งาน เช่น แผ่นตัวหนอนปูพื้นทางเดิน แผ่นปูผนังหินทรายประดิษฐ์สำหรับประดับตกแต่งอาคาร รวมถึงใช้เป็นวัสดุทดแทนกรวดทราย เพื่อใช้ในการหล่อผลิตภัณฑ์กระถางต้นไม้ที่มีน้ำหนักเบา เป็นต้น
เพิ่มมูลค่าจากวัสดุเหลือใช้ ลดปัญหาสภาพสิ่งแวดล้อม
สำหรับประโยชน์ของนวัตกรรมนี้มีมากมาย ดังนี้
1.ลดวงจรปริมาณสะสมขยะโฟมที่จะเพิ่มขึ้น
โดยปกติแล้ว หากต้องการนำขยะประเภทโฟมมาใช้ใหม่ ต้องผ่านกระบวนการรีไซเคิล ซึ่งมีต้นทุนสูงกว่าพลาสติกชนิดอื่น ๆ ดังนั้นหากต้องการจัดการขยะโฟมให้ได้ในปริมาณสูง การเปลี่ยนขยะมาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยผ่านการเพิ่มมูลค่า (Upcycling) แทนการรีไซเคิล ก็จะทำให้สามารถทำได้ในปริมาณสูง อีกทั้งยังลดวงจรปริมาณสะสมขยะโฟมที่จะเพิ่มขึ้นอีกด้วย
2.เปิดโอกาสให้สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับการใช้งานมากที่สุด
การได้วัสดุก่อสร้างมวลเบารูปแบบใหม่ โดยไม่ต้องให้ถูกจำกัดเฉพาะเป็นแค่การผลิตอิฐบล็อกหรืออิฐมวลเบา ทำให้จะเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ร่วมกันสร้างสรรค์ออกแบบได้ตรงกับการใช้งานที่สุด อาจจะเป็นกระถางปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่แต่มีน้ำหนักเบา จัดวางไว้บนตึกสูง อาคารสำนักงาน คอนโดที่พักอาศัยได้ตามความเหมาะสม
3.สร้างอาชีพ
สามารถพัฒนาต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ สร้างอาชีพได้ เริ่มต้นจากวิสาหกิจชุมชนขนาดย่อม-กลาง เพราะใช้ต้นทุนการผลิตที่ไม่สูงมาก ทั้งในแง่วัตถุดิบหลักหาได้ภายในประเทศเกือบทั้งหมด ทั้งขยะโฟมขาวเหลือใช้ ขี้เถ้าลอยที่มีราคาถูกจากโรงงานอุตสาหกรรม กาวเคลือบ แม่พิมพ์ขึ้นรูป และเครื่องบด-อัด เชื่อว่าจะเป็นช่องทางสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอีกทางหนึ่ง
อัลบั้มภาพ 7 ภาพ