หัวอกแม่! ลูกชาย 1 ขวบถูกลักพาตัว 26 ปียอมส่งคืน "พี่เลี้ยง" สารภาพเหตุผลเห็นแก่ตัว

หัวอกแม่! ลูกชาย 1 ขวบถูกลักพาตัว 26 ปียอมส่งคืน "พี่เลี้ยง" สารภาพเหตุผลเห็นแก่ตัว

หัวอกแม่! ลูกชาย 1 ขวบถูกลักพาตัว 26 ปียอมส่งคืน "พี่เลี้ยง" สารภาพเหตุผลเห็นแก่ตัว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม่ร่ำไห้ ลูกชาย 1 ขวบ ถูกพี่เลี้ยงลักพาตัว ผ่านมา 26 ปีจู่ๆ ยอมส่งคืน สารภาพเหตุผลบีบใจ

คู่รักที่อาศัยอยู่ในเมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน ประสบกับความขมขื่นมาเกือบ 30 ปี จากความขุ่นเคืองและเจ็บปวดแสนสาหัส เมื่อลูกชายวัย 1 ขวบ ถูกพี่เลี้ยงเด็กลักพาตัวไป สู่วันที่แสนสุขที่ได้ต้อนรับลูกชายวัย 27 ปี กลับมาสู่อ้อมอกอีกครั้ง

เรื่องราวโศกนาฏกรรมทั้งหมดนี้เริ่มต้นขึ้นในฤดูร้อนปี 2535

"คุณชู" เป็นพยาบาลในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ เธอแต่งงานกับเพื่อนร่วมงานในโรงพยาบาลเดียวกัน หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็มีลูกชายแสนน่ารักเข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัว กระทั่งเมื่อลูกชายครบ 1 ขวบ ผู้เป็นแม่จึงตัดสินใจกลับไปทำงานที่โรงพยาบาล และจำเป็นต้องจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาช่วยดูแลลูกของเธอ

พี่เลี้ยงเด็กคนนี้เป็นหญิงสาววัย 18 ปี ซึ่งทำงานหนักและมีความรับผิดชอบ คอยช่วยดูแลบ้านและดูแลลูกชายอย่างดี ทำให้คุณชูและสามีรู้สึกไว้วางใจอย่างมาก แต่เรื่องราวไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเพียงไม่นานหลังจากนั้น วันหนึ่งทั้งคู่ก็ต้องตื่นตระหนกเมื่อกลับบ้านแล้วไม่พบลูกกับพี่เลี้ยงเด็ก ในขณะที่ของมีค่าทั้งหมดในบ้านยังคงอยู่ที่นั่นครบถ้วน ทำให้พวกเขาตระหนักได้ทันทีว่าลูกของพวกเขาถูกพี่เลี้ยงเด็กลักพาตัวไป

เมื่อไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้รู้ว่าชื่อที่พี่เลี้ยงเด็กใช้สมัครงานนั้น แท้จริงแล้วเป็นชื่อปลอม อีกทั้งยังโกหกเกี่ยวกับประสบการณ์การทำงาน ผู้หญิงที่ลักพาตัวลูกของพวกเขาไปเป็นบุคคลที่ไม่เปิดเผยตัวตน วางแผนมาอย่างแยบยลจนทำให้เบาะแสทั้งหมดที่จะสาวไปถึงตัวเธอนั้นคลุมเครือ

แม้จะดูเหมือนสิ้นหวัง แต่หลังจากพยายามตามหาลูกมาเป็นเวลา 3 ปี ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้รับแจ้งข่าวดี ตำรวจพบเด็กเร่ร่อนที่ตรงกับข้อมูลแจ้งเด็ก ในตอนแรกที่ไปพบเด็ก คุณชูรู้สึกกังวลเล้กน้อยเพราะเด็กชายคนนี้ "ไม่มีปานบนไหล่" เหมือนลูกชายของเธอ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผลตรวจ DNA ยืนยันว่าเด็กเป็นลูกของเธอ ทำให้พวกเขามีความสุขกันมากจนไม่ได้สงสัยอะไรอีก

ความจริงมาเคาะประตูบ้านหลังจาก 26 ปี

ชีวิตครอบครัวของคุณชู ดำเนินไปอย่างราบรื่นจนกระทั่งปี 2561 จู่ๆ ก็ได้รับโทรศัพท์ลึกลับ อีกฝ่ายอ้างว่าพบลูกชายที่หายไปของเธอแล้ว เธอเชื่อว่าเป็นการหลอกลวงจึงวางสายไป เพราะเธอพบลูกชายมานานมากแล้ว แต่ต่อมาก็มีรูปถ่ายชายหนุ่มคนหนึ่งส่งมาให้เธออีก ซึ่งคนในภาพดูคล้ายกับสามีของเธออย่างมาก สุดท้ายจึงตกลงที่จะพบกับอีกฝ่ายเพื่อตรวจสอบในแน่ชัด

วันรุ่งขึ้น มีผู้หญิงคนหนึ่งมาที่บ้านของคุณชู เธอจำได้ทันทีว่าบุคคลนี้คือ "อดีตพี่เลี้ยงเด็ก" ที่หายตัวไปพร้อมกับลูกชายของเธอ อีกฝ่ายเอาแต่กล่าวขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า และบอกว่าเด็กหนุ่มที่พามาด้วยนั้นคือ “นี่คือลูกชายแท้ๆ ของคุณและสามีของคุณ”

ปรากฎว่าอดีตพี่เลี้ยงเด็กคนนี้เติบโตมาในชนบทที่ยากจน แต่งงานเมื่ออายุ 17 ปี จากนั้นก็ตั้งครรภ์ แต่น่าเสียดายที่เกิดการแท้ง อย่างไรก็ตาม ในปีต่อมาเธอก็ตั้งท้องอีกครั้ง แต่เด็กก็เสียชีวิตก่อนที่จะเกิดอีก ขณะนั้นผู้คนในหมู่บ้านเล่าลือว่าเธอเป็นโชคร้ายที่ "ฆ่าเด็ก" หมอดูบอกว่าถ้าเธออยากจะแก้ไขโชคชะตานี้ เธอต้องไปบ้านคนอื่นเพื่อรับเลี้ยงเด็ก

เนื่องจากความเชื่อโชคลางและความปรารถนาที่จะมีลูก เธอจึงคิดหาทางเข้าเมืองโดยใช้ชื่อและประวัติปลอมสมัครงานเป็นพี่เลี้ยง ก่อนลักพาตัวลูกเจ้าของบ้านกลับมายังบ้านเกิด โดยไม่คาดคิดว่าในเวลาต่อมา เธอจะสามารถให้กำเนิดลูกของตัวเองจริงๆ จึงไม่มีเวลามากพอที่จะดูแลลูกที่ขโมยมา อีกทั้งเธอยังหย่ากับสามีหลังจากใช้ชีวิตร่วมกันได้ไม่กี่ปี ทำให้ต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพัง

ในช่วงเวลานี้ เธอตระหนักได้ว่าพ่อและแม่มีความรักต่อลูกมากแค่ไหน เริ่มรู้สึกเสียใจกับพฤติกรรมในอดีตของตนเอง จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อเธอดูรายการรวมญาติทางทีวี สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะส่งคืนเด็กให้กับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด จึงติดต่อกับครอบครัวของอดีตเจ้านายและยอมรับบาปทั้งหมดที่ทำลงไป

เมื่อทราบความจริงเบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด คุณชูและสามีของเธอรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าพวกเขาคือลูกชายแท้ๆ ของพวกเขา ส่วนเด็กที่พวกเขาเลี้ยงดูมา 22 ปีนั้น แท้จริงไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด และต่อมาจึงทราบว่าเกิดจากความผิดพลาดของโรงพยาบาล ที่ทำการตรวจ DNA ในปีนั้น

ท้ายที่สุดทางครอบครัวตัดสินใจยื่นฟ้องโรงพยาบาล และพาลูกชายแท้ๆ กลับบ้านเพื่อเลี้ยงดู ส่วยอดีตพี่เลี้ยงเด็กยังต้องเผชิญกับบทลงโทษตามกฎหมายสำหรับการก่ออาชญากรรม คนที่น่าสงสารที่สุดยังคงเป็นเด็กไร้เดียงสาสองคนที่ถูกผู้ใหญ่บงการและเปลี่ยนแปลงชะตากรรม โชคดีที่ในที่สุดพวกเขาก็พบบ้านที่เงียบสงบและมีความสุขสำหรับตนเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook