หลานชายเรียนตำรวจเพราะปู่ถูกฆ่า ผ่านไป 16 ปี หาคนร้ายจนเจอ เรื่องจริงยิ่งกว่าละคร
หลานชายวัย 15 ตั้งใจเรียนตำรวจ เพราะฝังใจที่ปู่ถูกฆ่า ผ่านไป 16 ปี หาคนร้ายจนเจอ เรื่องจริงยิ่งกว่าละคร
ย้อนกลับไป เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2551 เกิดเหตุคดีฆาตกรรม นายพร้อม กรดแก้ว อายุ 81 ปี เกษตรกรในเขตพื้นที่ อ.พนม จ.สุราษฏร์ธานี โดยวันเกิดเหตุ นายพร้อมและภรรยาเข้าไปทำสวนเหมือนทุกวัน แต่แยกกันไปทำคนละฝั่งสวน แยกกันไม่นาน ชาวบ้านก็มาตามภรรยานายพร้อม เพื่อแจ้งข่าวร้าย ว่า นายพร้อม ถูกคนร้ายใช้มีดพร้าและขวาน ทุบ ฟัน ตามร่างกายเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ
ตำรวจ สภ.พนม สอบปากคำภรรยานายพร้อม ที่ทำสวนอยู่ห่างกันไม่ไกล จึงรู้ว่า เธอไม่ได้ยินเสียงเหตุการณ์ใด ๆ เลย แม้เสียงร้องขอความช่วยเหลือจากสามี ก็ไม่ได้ยินเลยแม้แต่น้อย เพราะภรรยานายพร้อม “หูตึง” แต่เธอ ชี้เป้าตรงให้ตำรวจ ผู้ต้องสงสัยคนแรกที่นึกออก และมีคนเดียวเท่านั้น ที่มีปัญหากับ นายพร้อม คือ นายแอน เพื่อนบ้าน ที่มีพื้นที่อยู่ข้างกัน
ทีมสืบสวน สภ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี ผู้รับผิดชอบคดี สืบสวนสอบสวนจนเจอหลักฐานแน่ชัดแล้วว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายนพฤทธิ์ หรือ นายแอน อายุ 33 ปี ในขณะนั้น คนเดียวกับที่ครอบครัวนายพร้อมชี้เป้า
นายแอน และ นายพร้อม มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันมาตลอดเรื่องที่ดิน เพราะมีเขตแดนที่ดินติดกัน ซึ่งญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่ายรับรู้ถึงปัญหานี้ทุกคน ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขอศาล จ.สุราษฎร์ธานีออกหมายจับ ลงวันที่ 26 ต.ค. 2551 หลังเกิดเหตุเพียง 5 วัน แต่ไม่ทันการณ์ นายแอน คนร้ายหลบหนีไปแล้ว ตำรวจสืบหาเท่าไหร่ก็ไร้ร่องรอย
ทวงความยุติธรรมให้ปู่
นายชัชนันท์ กรดแก้ว อายุ 15 ปี (ในขณะนั้น) เป็นหลานของ นายพร้อม ซึ่งมีศักดิ์เป็นปู่ เริ่มต้นติดตามเสาะหาคนร้ายด้วยตัวเอง เพื่อหวังคืนความยุติธรรมให้กับปู่ แต่สุดท้ายก็ไม่เจอแม้แต่เงาของฆาตกร ปมนี้ฝังใจและเป็นความทุกข์อย่างแสนสาหัสของคนในครอบครัว ที่ไม่สามารถตามหาและจับตัว นายแอน ฆาตกรเหี้ยมที่ลงมือฆ่าปู่อันเป็นที่รักได้
นายชัชนันท์เล่าว่า “หลังเจอศพปู่ ลูกหลานก็ไปที่บ้านคนร้ายเลย แต่ไม่เจอตัว นายแอน แล้ว เจอแค่ภรรยา และลูก 2 คน ของนายแอนเท่านั้น! คนร้ายหนีไปแล้ว และขาดการติดต่อนับแต่นั้นมา” เวลาล่วงเลยมานานร่วม 10 ปี ตำรวจในพื้นที่ยังคงทำงานอย่างเต็มความสามารถ แต่ด้วยอิทธิพล เส้นสายของคนร้ายทำให้การหลบหนีซ่อนตัวของคนร้ายทำได้อย่างแนบเนียน
คนร้ายไม่ติดต่อกับครอบครัวเลย (ลูก 2 คน ภรรยา 1 ทุกคนยังมีชีวิตอยู่) ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ในโซเชียล สืบยากมาก และน่าจะย้ายที่ทำงานไปเรื่อย ๆ อีกอย่าง ญาติพี่น้องเยอะ ครอบครัวช่วยกันปิดบัง ให้ที่พักอาศัย เพราะทุกคนรู้ว่าคนร้ายมีหมายติดตัวและยังไม่ขาดอายุความ จึงระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ
คดีนี้ มีอายุความ 20 ปี จะหมดอายุความวันที่ 26 ต.ค. 2571
นายชัชนันท์ ตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตด้วยการสอบเข้าเป็นตำรวจ เพราะความหวังที่อยากจะจับฆาตกรที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยให้ได้ ด้วยตนเอง จากปมในใจเรื่องนี้จึงคิดว่า ถ้าเป็นตำรวจคงจะทำอะไรได้มากกว่านี้ คงจับคนร้ายได้ เลยสอบเป็นตำรวจตอนอายุ 25 ปี
ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขัน ส.ต.ท. ชัชนันท์ กรดแก้ว ผู้บังคับหมู่ป้องกันและปราบปราม ก็สืบหาคนร้ายที่ฆ่าปู่ตัวเองไปด้วย วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาในเส้นทางอาชีพตำรวจ ทำให้ ส.ต.ท. ชัชนันท์ เจอเบาะแส นายแอน ฆาตกรฆ่าปู่แล้ว พิกัดที่ ส.ต.ท. ชัชนันท์ พบข้อมูลว่า ปัจจุบันคนร้าย เช่าบ้านอยู่ที่เกาะสมุยและทำงานรับเหมาก่อสร้างที่นั่น ตอนสืบก็เริ่มจากคนรอบข้างที่คิดว่าน่าจะเกี่ยวข้อง ลูก ภรรยา แต่ไม่พบร่องรอยใด ๆ เพราะพวกเขาระวังตัวมาก”
ฝันที่เป็นจริง
ล่าสุด วันที่ 20 มิถุนายน 2567 ส.ต.ท. ชัชนันท์ ประสานตำรวจในพื้นที่ และเดินทางไปยังเกาะสมุย ตามพิกัดที่ทราบว่าคนร้ายอาศัยอยู่ โดยทำการสอบถามคนในละแวกนั้น จุดแรกที่มุ่งไปก็เหมือนชะตาฟ้าเป็นใจ บังเอิญเข้าไปสอบถามคนที่เป็นหัวหน้างานของนายแอน พอดี จึงทราบข้อมูลคร่าว ๆ ว่า นายแอน ขับรถอะไร สีอะไร เลขทะเบียนอะไร หลังการลงพื้นที่สอบถาม คนที่เห็นเหตุการณ์ที่สนิทสนมกับนายแอน ได้แจ้งข่าวให้นายแอนรู้ จึงเป็นการเปิดช่องทางให้ นายแอนหลบหนีอีกครั้ง
ความพยายามครั้งนี้ ส.ต.ท. ชัชนันท์ ตั้งใจว่า “ยังไงก็ต้องจับให้ได้” ส.ต.ท. ชัชนันท์ และตำรวจในพื้นที่ ติดตามไปที่บ้านของ นายแอน ประจวบเหมาะกับช่วงเวลาเดียวกัน นายแอน กำลังขับรถหนีออกจากบ้าน ตำรวจจึงไล่ตามและเข้าแสดงตัวจับกุม
เมื่อคุมตัวนายแอนได้ ส.ต.ท. ชัชนันท์ ผู้ถือหมายจับจึงจะอ่านหมายให้นายแอนฟัง แต่ ณ เวลานั้น ส.ต.ท. ชัชนันท์ ใจสั่น มือสั่น เสียงสั่น ตำรวจในทีมที่รู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงเอาหมายมาอ่านให้นายแอนฟังแทน แต่ ส.ต.ท. ชัชนันท์ ก็เป็นผู้ล็อกกุญแจมือนายแอน ด้วยมือของตนเอง โดยเผยว่า ตอนนั้นความรู้สึกมันเกิดในใจมันหลากหลายมาก แต่ 16 ปีที่สู้มาไม่สูญเปล่า “ย่าบอกว่า แกนอนตายตาหลับแล้ว”