สาวหงุดหงิด ญาติเคาะห้องทุก 4 ทุ่ม ขัดจังหวะจู๋จี๋สามี แต่รู้เหตุผลเรื่อง "ลูก" อายด่าไม่ออก

สาวหงุดหงิด จ้างญาติเป็นพี่เลี้ยงลูก แต่ชอบขัดจังหวะจู๋จี๋สามี มาเคาะห้องนอนตอน 4 ทุ่มทุกคืน สุดทนขอถามตรงๆ แต่รู้เหตุผลเรื่อง "ลูก" ด่าไม่ออก

คุณแม่ชาวต่างประเทศคนหนึ่ง ออกแบ่งปันประสบการณ์ภายในครอบครัว เกี่ยวกับการเลี้ยงดูและให้ความสนใจแก่ลูก หลังจากพบว่าพี่เลี้ยงเด็กมักมาเคาะห้องนอนของเธอและสามีทุกคืนเวลา 4 ทุ่ม ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่เข้าใจและไม่พอใจ แต่ปรากฏว่าหลังจากได้รู้เหตุผลกลับกลายเป็นต้องเขินอาย และรู้สึกขอบคุณพี่เลี้ยงของลูกแทน

โดยเธอเล่าว่า นับตั้งแต่ให้กำเนิดลูกชายคนที่สอง เธอได้จ้างญาติของตนเองจากต่างจังหวัดให้มาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก เพื่อจุดประสงค์ในการช่วยเหลืองานบ้านและดูแลลูกๆ คือลูกสาวที่อยู่ในชั้นประถม และลูกชายที่ตอนนี้อายุได้ 6 เดือนแล้ว การทำงานดำเนินไปสม่ำเสมอโดยไร้ปัญหาใดๆ กระทั่งในช่วงสัปดาห์ผ่านมา พี่เลี้ยงคนนี้กลับเอาแต่เคาะประตูห้องนอนของเธอและสามี ในตอนประมาณ 4 ทุ่มทุกคืน

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เธอรู้สึกว่ากำลังถูกรบกวนชีวิตส่วนตัวมากเกินไป อีกทั้งสิ่งนี้ยังทำให้ฉันและสามีมีความขัดแย้งกันเล็กน้อยเพราะเธอสงสัยด้วยว่าทำไมพี่เลี้ยงของลูกๆ จึงเคาะประตูห้องนอนของเธอและสามีกลางดึก ติดต่อกันมานานกว่าหนึ่งสัปดาห์แล้วโดยสรรหาเรื่องเดือดร้อนต่างๆ มาบอกจนผิดปกติ

วันแรกใช้ข้ออ้างในการลืมบางสิ่งบางอย่าง อีกวันบอกว่าอยากจะให้ไปตรวจสอบลูกชายเพราะทำตัวแปลกๆ อีกวันหนึ่งบอกว่ามีเรื่องด่วนจะพูด หรือว่ามีบางอย่างที่เธออยากจะให้ ซึ่งครั้งแรกหรือสองครั้งเธอไม่ใส่ใจเลยไม่ได้พูดอะไร แต่ความถี่ของพี่เลี้ยงเด็ก "รบกวน" สามีและเธอเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และทำให้สามีรู้สึกไม่สบายใจ และเขาก็บ่นเกี่ยวกับปัญหานี้

• แม่เอะใจ ลูกวัย 1 ขวบ กินโจ๊กที่ “พี่เลี้ยง” ทำให้เท่านั้น ลองชิมคำเดียวไล่ออกทันที
• เมียไม่อยู่บ้าน สามีจ้าง "แม่บ้าน" ทำอาหารมื้อเดียว 4,000 รู้ว่ากินอะไรขอหย่าทันที!

เมื่อสุดทนกับการเผชิญกับการกระทำแปลกๆ ของพี่เลี้ยงเด็ก ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเรียกมาเพื่อพูดคุยเป็นการส่วนตัว ในตอนแรกอีกฝ่ายปฏิเสธที่จะบอกความจริง แต่เอาพยายามหลีกเลี่ยง และบอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ด้วยสีหน้าที่แสดงออกมา ทำให้เธอยิ่งมั่นใจว่ามีบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน ดังนั้น หลังจากซักไซ้อยู่สักพัก พี่เลี้ยงเด็กก็บอกความจริงในที่สุด

ปรากฎว่าทั้งหมดเป็นแผนของพี่เลี้ยงเด็ก เนื่องจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วลูกสาวคนโตบังเอิญผ่านไปเห็นพ่อแม่มี “พฤติกรรมใกล้ชิด” และนำเรื่องนี้ไปเล่ามาเล่าให้พี่เลี้ยงฟัง แต่เธอไม่รู้จะจัดการกับปัญหาที่น่าเขินอายนี้อย่างไร เพราะไม่กล้าพูดตรงๆสุดท้ายจึงลงเอยด้วยการสร้างเรื่องไปรบกวนกลางดึกแบบนั้นทุกคืน เธอขอโทษพร้อมทั้งแนะนำด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า

“เธอเพิ่งคลอดลูกโดยการผ่าตัดคลอดเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว สุขภาพยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ จึงเป็นช่วงเวลาที่อ่อนไหวมาก ฉันรู้ว่าเรื่องสามีและภรรยาเป็นเรื่องส่วนตัว และฉันเป็นคนนอกและไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง แต่ถ้าเธอบังเอิญท้องตอนนี้ มันจะสร้างปัญหาและความยากลำบากมากมายให้กับลูกของเธอ”

“ฉันยังอยากเตือนเธอถึงบางสิ่ง นี่เป็นสิ่งสำคัญมากๆ ต่อจากนี้ไม่ว่าเธอและสามีจะทำอะไร ถ้าต้องการแสดงความรู้สึกต่อกันก็ต้องใส่ใจให้รอบคอบสักหน่อย ลูกสาวของเธออยู่แค่ชั้นประถม ถ้าต้องเห็นฉาก ‘ผู้ใหญ่’ บ่อยๆ มันคงไม่ดีเลย”

เมื่อฟังพี่เลี้ยงของลูกๆ พูดแบบนี้ก็ค่อยๆ ถึงต้นตอของเข้าใจปัญหา คนเป็นแม่อย่างเธอกลายเป็น รู้สึกซาบซึ้งใจจริงๆ กับความมีน้ำใจและความห่วงใยที่ลึกซึ้งเช่นนี้ ที่มีต่อครอบครัวของเธอ และรู้สึกโชคดีมากที่ได้ญาติคนนี้มาเป็นพี่เลี้ยงของลูกๆในขณะเดียวกันก็รู้สึกเสียใจที่เคยเข้าใจเจตนาของอีกฝ่ายแบบผิดๆ สุดท้ายจึงได้แต่กล่าวขอบคุณและขอโทษอย่างจริงใจ