ก.ตร.มีมติเห็นชอบ คำสั่งให้ "บิ๊กโจ๊ก" ออกจากราชการ ชอบด้วยกฎหมาย

ก.ตร.มีมติเห็นชอบ คำสั่งให้ "บิ๊กโจ๊ก" ออกจากราชการ ชอบด้วยกฎหมาย

ก.ตร.มีมติเห็นชอบ คำสั่งให้ "บิ๊กโจ๊ก" ออกจากราชการ ชอบด้วยกฎหมาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ที่ประชุม ก.ตร. เห็นชอบตามมติอนุฯ ก.ตร. วินัย คำสั่งให้บิ๊กโจ๊กออกจากราชการชอบด้วยกฎหมาย

พล.ต.ท.อนุชา รมยะนันทน์ ผู้บัญชาการสำนักงาน ก.ตร. ในฐานะเลขานุการ ก.ตร. กล่าวว่า ได้รับมอบหมายให้มาชี้แจงเกี่ยวกับกรณีผู้ร้องขอให้ ก.ตร. พิจารณาเกี่ยวกับการปฎิบัติการบริหารงานบุคคลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าดำเนินการเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎหมายหรือไม่ ใน 2 คำสั่ง คือคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 177 / 2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.67 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน และคำสั่งตร.ที่ 178 / 2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.67 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งทั้ง 2 กรณีที่ประชุม ก.ตร. มีมติเห็นชอบตามอนุฯ ก.ตร. ที่อนุฯ ก.ตร. วินัย เสนอว่าการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 กำหนดแล้ว

พล.ต.ท.อนุชา กล่าวว่า สำหรับกรณีที่การพิจารณายกเลิกหรือเพิกถอนคำสั่งนั้นไม่อยู่ในอำนาจของ ก.ตร. แต่อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ที่ประชุมจึงมีมติพร้อมทั้งผู้ที่ร้องได้ใช้สิทธิ์ตามที่กฎหมายกำหนดต่อองค์กรดังกล่าวแล้วจึงให้ผู้ร้องรอการพิจารณาของก.พ.ค.ตร.ต่อไป

“ที่ประชุมมีมติเห็นชอบและไม่มีผู้คัดค้าน โดยในที่ประชุม ก.ตร. มาประชุมทั้งหมด 13 ท่านจาก 15 ท่าน มี 2 ท่าน ลาการประชุมและไปราชการ โดยอยู่ในการประชุมเพื่อพิจารณาลงมติ 12 ท่าน ซึ่งไม่มีผู้ใดคัดค้านที่ประชุมจึงถือว่าให้ความเห็นชอบต่อการประชุม”พล.ต.ท.อนุชา กล่าว

พล.ต.ท.อนุชา กล่าวว่า การดำเนินการในส่วนของกรณีที่มีผู้ที่คัดค้านหรือกรณีที่คณะกรรมการท่านใดที่เห็นว่าตนมีสภาพที่ทำให้การพิจารณาไม่เป็นกลางได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองทุกประการ ทั้งนี้มติที่ประชุมเสียงข้างมากเห็นชอบว่าการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปตามหลักเกณฑ์แล้ว โดยคณะอนุฯ ก.ตร. มี 19 ท่าน ไม่ได้อยู่ในปฎิบัติหน้า ที่มีประชุมและอยู่ลงมติ 15 ท่าน โดยมีมติเห็นชอบด้วย 14 ท่าน

สำหรับก.พ.ค.ตร. จะมีระยะเวลาพิจารณาตามที่กฎหมายกำหนดใน 120 วัน และขอขยายได้อีก 2 ครั้ง ขณะนี้อยู่ในระหว่าง 120 วันแรก น่าเชื่อว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในกำหนด

พล.ต.ท.อนุชา กล่าว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่ง และมีการร้องขอให้ ก.ตร. ในฐานะองค์กรที่มีมีอำนาจกำกับดูแลเรื่องการบริหารงานบุคคลพิจารณาว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎหมายหรือไม่ และมีการมอบหมายให้อนุฯ ก.ตร. วินัยพิจารณาและเสนอ ซึ่งอนุฯ ก.ตร. พิจารณา 2 ครั้ง แล้วเสนอขึ้นมาโดยมีความเห็นว่าการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปโดยถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดแล้ว และ ก.ตร. ก็มีมติโดยไม่มีผู้ใดคัดค้าน คือเห็นชอบตามที่อนุฯ ก.ตร. วินัยเสนอ ดังนั้นการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเรื่องการบริหารงานบุคคลทั้ง 2 คำสั่ง ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดแล้ว

ส่วนมติในที่ประชุมหากพิจารณาแล้วเกี่ยวข้องกับใครบ้าง ทั้งผู้ร้อง หรือส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ถ้าพิจารณาแล้วเกี่ยวข้องจะส่งมติไปให้ทุกหน่วย

พล.ต.ท.อนุชา กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ นายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการ ตามอำนาจหน้าที่ของประธาน ก.ตร. และดำการให้ที่ประชุมได้มีการอภิปราย อย่างครบถ้วนและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยให้ยึดถือตามกฎหมายและระเบียบ ตั้งแต่รัฐธรรมนูญลงมาจนกระทั่งถึงกฎหมายระดับอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง

ส่วนเรื่องการเพิกถอนคำสั่ง คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งทางปกครอง การเพิกถอนคำสั่งในชั้นของฝ่ายบริหารอยู่ในอำนาจของก.พ.ค.ตร. ในชั้นของตุลาการอยู่ในอำนาจของศาล

สำหรับ ก.ตร. ทั้งหมดมีจำนวน 15 คน นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ และ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข รรท.รองผบ.ตร. ลาประชุม ทำให้ที่ประชุมเหลือเพียง 13 คน ขณะพิจารณาวาระของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดย พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.ได้เดินออกจากห้องประชุม เนื่องจากเป็นผู้ที่ลงนามในคำสั่งถือว่ามีส่วนได้เสีย ทำให้เหลือ ก.ตร. 12 คน โดยมี 1.นายเศรษฐา ในฐานะประธาน 2.น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการก.พ.ร. 3.นายปิยะวัฒน์ ศิวะรักษ์ เลขาธิการก.พ. 4.พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ 5.พล.ต.อ.ธนา ชูวงษ์ รอง ผบ.ตร. 6.พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร. 7.พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จตช. 8.นายประทิต สันติประภพ ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ 9.พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ 10.นายศุภชัย ยาวะประภาษ ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ 11.พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ 12.พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ

ทั้งนี้มีรายงานว่าก่อนการประชุมพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้เรียกรอง ผบ.ตร.ทุกคนมาพูดคุยกันนอกรอบที่ห้องรับรองคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ บริเวณชั้น 1 อาคาร 1 ตร. จากนั้นเวลา 15.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงโดยก่อนเริ่มการประชุมนายกฯ ได้เรียก พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จตช. และ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าพบที่ห้องรับรองพรหมนอก

ต่อมาเวลา 17.45 น. นายกฯ เดินทางกลับ แจ้งว่าให้เลขานุการที่ประชุม ก.ตร. แถลงผลการประชุม โดยมีพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เดินลงมาส่งและแจ้งว่าการประชุมยังไม่เสร็จ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook