เกาหลีเหนือประหารชีวิต "หนุ่มวัย 22 ปี" ในที่สาธารณะ ความผิดข้อหา "ฟังเพลง K-Pop"
The Guardian (เดอะ การ์เดียน) สื่อดังแห่งประเทศอังกฤษ รายงานว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือ ประหารชีวิตวัยรุ่นชายคนหนึ่งต่อหน้าสาธารณชน ด้วยความผิดฐานฟังเพลง K-Pop จำนวน 70 เพลง
รายงานสิทธิมนุษยชนเกาหลีเหนือปี 2024 ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. โดยกระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ ได้บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเกาหลีเหนือผ่านคำให้การของผู้แปรพักตร์ 649 คน
หนึ่งในเคสที่เกิดขึ้นคือ กรณีของชายชาวเกาหลีเหนือวัย 22 ปี ถูกประหารชีวิตในที่สาธารณะ ฐานรับชม-แชร์ภาพยนตร์และเพลงของเกาหลีใต้ ตอกย้ำความพยายามของโสมแดงในการหยุดยั้งข้อมูลและวัฒนธรรมจากโลกภายนอก
คำให้การของผู้แปรพักตร์ที่ไม่ระบุชื่อเผยว่า ย้อนไปเมื่อปี 2022 ชายหนุ่มจากจังหวัดฮวางแฮใต้ถูกประหารชีวิตต่อหน้าผู้คน เพราะถูกทางการจับได้ว่าฟังเพลงจากฝั่งเกาหลีใต้ 70 เพลง, ชมภาพยนตร์เกาหลีใต้ 3 เรื่อง และจัดจำหน่ายผลงานเหล่านั้น ซึ่งถือเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายปี 2020 ที่ห้ามเสพหรือครอบครอง "วัตถุที่สื่อถึงอุดมการณ์และวัฒนธรรม"
รัฐบาลเกาหลีเหนือควบคุมข้อมูลจากโลกภายนอก โดยเฉพาะพวกเยาวชนที่อยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็น หากผู้ใดกระทำการเลียนแบบสากลหรือชาติตะวันตกจะโดนลงโทษ เช่น เจ้าสาวสวมชุดสีขาว, เจ้าบ่าวอุ้มเจ้าสาว, สวมแว่นกันแดด หรือแม้แต่การดื่มแอลกอฮอล์จากแก้วไวน์ ซึ่งเกาหลีเหนือมองว่าได้รับการทำเช่นนี้มาจากฝั่งเกาหลีใต้
นอกจากนี้ รายงานยังอ้างว่า ทางการมักสอดส่องโทรศัพท์มือถือของประชาชน เพื่อตรวจสอบการสะกดคำ ไม่ว่าจะเป็นชื่อผู้ติดต่อ สำนวนภาษาที่ใช้ และคำสแลงต่างๆ ว่าใช้คำที่มีอิทธิพลจากเกาหลีใต้หรือไม่ เนื่องจากแม้ทั้งสองเกาหลีจะใช้ภาษาเดียวกัน แต่ความแตกต่างเกิดขึ้นนับตั้งแต่การแบ่งแยกหลังสงครามเกาหลีในปี 1950-53 ที่ฝั่งใต้มีคำศัพท์ใหม่ๆ เกิดขึ้นจำนวนมากกว่าจากการใช้อินเทอร์เน็ต
ก่อนหน้านี้ เรดิโอ ฟรี เอเชีย หน่วยงานข่าวสารที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือกำลังปราบปรามแฟชั่นและทรงผมแบบทุนนิยม โดยมุ่งเป้าไปที่กางเกงยีนส์รัดรูปและเสื้อยืดที่มีคำภาษาต่างประเทศ เช่นเดียวกับการย้อมสีผมหรือการไว้ผมยาว
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การปล่อยให้วัฒนธรรมสมัยนิยมของเกาหลีใต้ซึมซาบเข้าสู่สังคมเกาหลีเหนืออาจเป็นภัยคุกคามต่ออุดมการณ์ที่ต้องการความภักดีอย่างแท้จริงต่อตระกูลคิม
อย่างไรก็ดี แม้จะมีมาตรการที่รุนแรงเช่นนี้ แต่อิทธิพลของวัฒนธรรมเกาหลีใต้ รวมถึงรายการโทรทัศน์ที่เพิ่งออกอากาศไม่นาน ดูเหมือนจะเล็ดรอดผ่านพรมแดนเข้าไปฝั่งเหนือได้อยู่ดี
ผู้แปรพักตร์หญิงวัยรุ่นรายหนึ่งเผยว่า "วัฒนธรรมเกาหลีใต้มีอิทธิพลต่อเกาหลีเหนือรวดเร็วมาก คนหนุ่มสาวติดตามและเลียนแบบวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ และพวกเขาก็รักทุกสิ่งที่เป็นของชาวเกาหลีใต้จริงๆ"
"หลังจากได้ดูซีรีส์เกาหลีใต้ หนุ่มสาวเกาหลีเหนือหลายคนตั้งคำถามว่า -ทำไมพวกเราต้องใช้ชีวิตแบบนี้?- ฉันคิดว่าฉันยอมตายดีกว่าอยู่ในเกาหลีเหนือ"
"แน่นอนว่าที่เกาหลีเหนือ เราไม่สามารถพูดอะไรที่ไม่ดีต่อ คิมจองอึน ในที่สาธารณะได้ นอกจากจะอยู่กับเพื่อนสนิท, คนรัก หรือแม้แต่สมาชิกในครอบครัว"