พ่อตรวจดีเอ็นเอลูกชาย หลังมีข้อความบอกว่าไม่ใช่ลูกแท้ ๆ แต่ตรวจพบสิ่งที่ไม่คาดคิดแทน
เรื่องราวนี้เริ่มต้นจากชายคนหนึ่งได้รับข้อความปริศนาว่า “ลูกของเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ” ทำให้ชายคนนี้เริ่มรู้สึกขุ่นเคืองใจ ว่าลูกชายวัย 3 ขวบเป็นลูกแท้ ๆ ของเขาหรือไม่
ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมา เขาและภรรยามีปัญหากันบ่อย ๆ ทำให้ข้อความนั้นดูนายเชื่อถือเข้าไปใหญ่ อีกทั้งหากย้อนไปในช่วงที่เขาคบกับภรรยาแรก ๆ ภรรยาของเขาไม่ได้ตัดเยื่อใยจากอดีตคนรัก แต่มาตัดกันจริงๆ ตอนที่เขาและภรรยาจะแต่งงานกัน ทำให้เขาเริ่มสงสัยว่าลูกที่เขาคอยรักดูแลเอาใจใส่ ใช่ลูกของเขาจริงหรือไม่
ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจตรวจดีเอ็นเอของลูกชายว่าเป็นลูกแท้ ๆ ของเขาหรือไม่ โดยตรวจที่ ศูนย์วิเคราะห์ดีเอ็นเอและเทคโนโลยีพันธุศาสตร์ของฮานอย ซึ่งผลปรากฏว่าลูกชายมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเขาจริง อย่างไรก็ตามมีเรื่องที่ทำให้เขาช็อกไปกว่านั้น คือ ผลชี้ว่า “เด็กมีความผิดปกติทางโครโมโซม ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าลูกชายของเขาแท้จริงแล้วเป็นเด็กผู้หญิง”
เมื่อชายหนุ่มได้ยินเรื่องนี้ก็รู้สึกโมโหอย่างมากว่าทำไมศูนย์ตรวจถึงมีความผิดพลาดได้เพียงนี้ ผู้อำนวยการของศูนย์จึงได้ถามย้ำกับชายคนดังกล่าวว่า “เส้นผมที่เก็บมาตรวจเป็นของลูกชายจริง ๆ ใช่ไหม เขาไม่ได้สับสนหยิบของคนอื่นในครอบครัวมาใช่หรือไม่” ซึ่งชายคนนี้ก็ยืนยันว่าเป็นผมจากลูกชายจริง ๆ เขาเก็บมาเองกับมือ
ต่อมาผู้อำนวยการของศูนย์ได้ขอให้ชายหนุ่มพาลูกชายมาที่ศูนย์เพื่อตรวจเลือด หาสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งทำให้ปรากฏว่าผลตรวจของเด็กไม่ได้ผิดพลาด แต่ที่โครโมโซมออกมาลักษณะนั้นเนื่องจาก “ลูกชายมีปัญหาสุขภาพ”
ทางศูนย์เผยว่า “ผลการตรวจพบว่าเด็กมีปัญหาเกี่ยวกับโครโมโซมเพศ โดยเรียกภาวะนี้ว่า ไคลน์เฟลเตอร์ซินโดรม”
ไคลน์เฟลเตอร์ซินโดรม เกิดจากความผิดปกติของโครโมโซมเพศ โดยมีโครโมโซม X เกินมา 1 แท่ง ซึ่งสำหรับเพศชายปกติแล้ว จะมีโครโมโซม XY แต่ในกรณีของเด็กชายคนนี้มีโครโมโซม XXY เด็กที่มีความผิดปกตินี้ในอนาคตมักมีการเจริญสติปัญญาและพัฒนาการที่ต่ำกว่าเด็กในวัยเดียวกัน
หลังจากที่ชายหนุ่มได้ทราบความจริงว่า ลูกชายของเขามีความผิดปกติทางร่างกาย เขาก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก อีกทั้งยังกล่าวขอโทษต่อศูนย์ที่เขาได้โทษว่าตรวจสอบผิดพลาด จึงขอจ่ายเงินค่าเสียเวลา
อย่างไรก็ตามทางผู้อำนวยศูนย์แห่งนี้ไม่ได้ติดใจอะไร แถมยกค่าตรวจสอบนี้ให้ฟรี ๆ ทั้งยังแนะนำให้ชายหนุ่มไปปรับความเข้าใจกับภรรยาถึงปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงพูดคุยถึงความผิดปกติของลูกให้ภรรยาทราบ เพื่อที่จะได้ช่วยกันรักษาลูกและก้าวผ่านอุปสรรคนี้ไปได้