"ประชาธิปัตย์" ชำแหละรัฐบาลจะครบปี “ผลงานไม่เป็นโล้เป็นพาย”

"ประชาธิปัตย์" ชำแหละรัฐบาลจะครบปี “ผลงานไม่เป็นโล้เป็นพาย”

"ประชาธิปัตย์" ชำแหละรัฐบาลจะครบปี “ผลงานไม่เป็นโล้เป็นพาย”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“สรรเพชญ” ชำแหละรัฐบาล ทำงานจะครบปี “ผลงานไม่เป็นโล้เป็นพาย” แนะนายกฯหยุดไปต่างประเทศบ้าง หันมาใส่ใจปัญหาในประเทศ

นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่รัฐบาลจะบริหารประเทศครบ 1 ปี ในเดือนสิงหาคมนี้ โดยกล่าวว่าปัจจุบันปัญหาปากท้องของประชาชนกำลังทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากค่าครองชีพต่าง ๆ กำลังทยอยปรับเพิ่มสูงขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งผงชูรส ทั้งต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นสวนทางกับรายได้ของประชาชนที่กำลังตกต่ำ

โดยตนยังไม่เห็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนจากรัฐบาล นายสรรเพชญได้ตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลมุ่งแต่จะทำนโยบายDigital Wallet และหวังว่านโยบายนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาได้ ทำให้รัฐบาลไม่คิดวิธีการในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในรูปแบบอื่น ๆ นอกจากการแจกเงินเพื่อหวังผลทางการเมือง

โดยที่นโยบาย Digital Wallet นี้ก็ถูกคณะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณแขวนไว้เนื่องจากคำของบประมาณหลายแสนล้านแต่มีเอกสารเพียง 2 หน้า อีกทั้งงบประมาณสำหรับทำโครงการนี้เสมือนอยู่ในอากาศไม่มีความชัดเจนใด ๆ ไม่มีผลการศึกษาถึงความคุ้มค่าโดยเฉพาะหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพก็ไม่มีและจะส่งผลในการตรวจสอบงบประมาณเพราะไม่ทีหน่วยงานใดกล้ารับเป็นเจ้าภาพทำเรื่องนี้ ซึ่งหากรัฐบาลปล่อยผ่านปัญหานี้จะก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจตามมาเป็นห่วงโซ่แบบงูกินหาง

นายสรรเพชญ ยังกล่าวถึงปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น พร้อมกับหนี้สาธารณะก็กำลังจะเพิ่มขึ้นจากการกู้ชดเชยการขาดดุลงบประมาณมาทำนโยบายเรือธงอีกทั้งยังมีปัญหาเกี่ยวกับการเข้าถึงสินเชื่อของประชาชนเนื่องจากบรรดาธนาคาร สถาบันการเงินต่าง ๆ ปฏิเสธสินเชื่อของประชาชน โดยยอดการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) สูงถึง 70%

ทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ นอกจากนี้เรื่องรายได้ของประชาชนก็ยังไม่เพิ่มขึ้นและกำลังถูกซ้ำเติมจากปัญหาการเลิกจ้างงานเพราะโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆปิดตัวลงและย้ายฐานการผลิตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจเกิดมาจากทั้งนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเพิ่มค่าแรง อันเป็นการเพิ่มต้นทุนของภาคการผลิตโดยที่รัฐบาลไม่ได้มีนโยบายในการช่วยเหลือ หรือชดเชยให้กับโรงงานอุตสาหกรรมให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ นอกจากนี้การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567

ที่ล่าช้า ไร้ประสิทธิภาพก็ส่งผลต่อประชาชนเนื่องจากเมื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจไม่เกิด การจ้างงานก็ไม่เกิดด้วย อีกทั้งการทำโครงสร้างพื้นฐานที่จะดึงดูดนักลงทุนก็มีน้อยและจากรายงานล่าสุดของธนาคารโลกก็ปรับลด GDP ของปี 2567 เหลือ 2.4% สิ่งนี้เป็นสัญญาณเตือนไปยังรัฐบาลประกอบกับที่หลายฝ่ายกำลังวิตกกังวลว่าประเทศไทยอาจจะเจอวิกฤตที่หนักกว่าเหตุการณ์ต้มยำกุ้งในอดีต ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งหาแนวทางแก้ไขและรับมือโดยเร็ว

ขณะเดียวกัน นายสรรเพชญ ได้เสนอแนะให้รัฐบาลเร่งหาวิธีการในการแก้ไขปัญหานี้เพราะหากรัฐบาลยังนิ่งเฉยจะเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง และหากเกิดเหตุการณ์ นั้นนโยบาย Digital Wallet ที่รัฐบาลหวังว่าจะเป็นเครื่องปั๊มหัวใจ จะกลายเป็นเพียงการหยอดข้าวต้มเพราะระบบเศรษฐกิจได้เกิดความเสียหายจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของรัฐบาล นอกจากนี้ตนเห็นว่าสิ่งที่นายกทำได้เร็วที่สุด คือ หยุดการเดินทางต่างประเทศ และหันมาเอาใจใส่เรื่องภายในประเทศมากกว่านี้ ไม่ต้องบินไปต่างประเทศมากเกินไป

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook