ใจร้ายมาก! คดีสยอง 2 หนุ่ม จับเพื่อนร่วมงานยัดเครื่องซักผ้า กดปุ่ม "ซัก" รู้เหตุผลยิ่งช็อก

ใจร้ายมาก! คดีสยอง 2 หนุ่ม จับเพื่อนร่วมงานยัดเครื่องซักผ้า กดปุ่ม "ซัก" รู้เหตุผลยิ่งช็อก

ใจร้ายมาก! คดีสยอง 2 หนุ่ม จับเพื่อนร่วมงานยัดเครื่องซักผ้า กดปุ่ม "ซัก" รู้เหตุผลยิ่งช็อก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ญี่ปุ่นสยอง ผู้ชาย 2 คน จับเพื่อนร่วมงานวัย 50 ยัดเข้าไปในเครื่องซักผ้าแล้วกดปุ่มทำงาน รู้เหตุผลสังคมยิ่งรับไม่ได้!

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2567 ในเขตชิโมเกียว เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ชายหนุ่มสองคนที่ทำงานในร้านซักรีด ทั้งคู่อายุ 37 ปี ร่วมกันก่อเหตุรุนแรงต่อเพื่อนร่วมงานวัย 50 ปี ส่วนสาเหตุเบื้องต้นทั้งสองอ้างว่า รู้สึกไม่สบายใจเพราะกลิ่นตัวของเพื่อนร่วมงาน

ตามคำให้การเบื้องต้น ผู้ก่อเหตุบอกกับเหยื่อว่า "ตัวนายมีกลิ่นเหม็นมาก รีบเข้าไปในเครื่องซักผ้าเร็ว!" เนื่องจากชายวัย 50 ปีเป็นผู้พิการทางจิตใจ ไม่ทราบถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่รออยู่ เขาจึงไม่ลังเลที่จะทำตามคำแนะนำของเพื่อนร่วมงาน 2 คน และคลานเข้าไปในเครื่องซักผ้าอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่มักใช้ซักผ้าม่าน ตุ๊กตาและสิ่งของขนาดใหญ่อื่นๆ

ทันใดนั้น เพื่อนร่วมงานทั้งสองคนก็ปิดประตูเครื่องซักผ้า โดยไม่ได้ใส่น้ำเข้าไปในถังซัก และกดปุ่มสตาร์ทให้เครื่องซักผ้าเริ่มทำงาน ทำให้เหยื่อได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุผู้บาดเจ็บได้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล แพทย์สังเกตเห็นอาการบาดเจ็บผิดปกติตามร่างกายคนไข้ จึงรีบแจ้งเหตุให้ตำรวจทราบ

ทันทีที่เหตุการณ์ถูกเปิดเผย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 2 รายเพื่อสอบสวน ทั้งสองยอมรับความผิดและยื่นลาออกจากร้านซักรีด ขณะที่เหยื่อวัย 50 ปียังบอกด้วยว่าเขาเคยถูกสองคนนี้ทำร้ายมาหลายครั้งแล้ว

เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตกตะลึงต่อความคิดเห็นของสาธารณชนชาวญี่ปุ่น หลายคนแสดงความไม่พอใจต่อพฤติกรรมอันโหดร้ายของผู้ต้องสงสัยทั้งสอง

มิกะ เคียวชิ นักวิเคราะห์อาชญากรรม ให้ความเห็นว่า “นี่ไม่ใช่แค่เรื่องตลก หากประตูเครื่องซักผ้าไม่เปิด มีแนวโน้มว่าเหยื่อจะเสียชีวิต สำหรับเหยื่อและครอบครัวของเขา นี่เป็นอาชญากรรมที่ล้มเหลวในการฆาตกรรม ร้านซักรีดแห่งนี้ไม่มีพนักงานคนอื่นเลยใช่ไหม มีหลายกรณีที่คล้ายกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการรักษาความปลอดภัยในงานและการช่วยเหลือผู้พิการยังทำได้ไม่ดีนัก”

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook