หนุ่มปล้นทองสารภาพ วางแผนเป็นปี ฆาตกรรมชิงรถ ป้ายความผิดคนขับ ฟังแผนแล้วอึ้ง
จากกรณีคนร้ายบุกเข้าไปในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ก่อเหตุชิงทองจากร้านทองที่ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ของห้าง กวาดสร้อยทองใส่ถุง น้ำหนักเกือบ 80 บาท มูลค่ากว่า 3 ล้านบาทหลบหนีโดยใช้เวลาก่อเหตุประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที
หลังเกิดเหตุชุดสืบสวน บก.สส.ภ.5 , ภ.จว.เชียงใหม่ และ สภ.แม่ปิง ตรวจที่เกิดเหตุดูพฤติกรรมการก่อเหตุจากกล้องวงจรปิดของร้าน และกล้องวงจรปิดบริเวณห้าง พบว่าคนร้ายใช้รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หลบหนี ชุดสืบสวนจึงตรวจสอบพบผู้ครอบครองเป็นชาย อายุ 48 ปี
ระหว่างที่ชุดสืบสวน อยู่ระหว่างการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุ ก็มีผู้ค้าทองให้เบาะแสว่า มีชายวัยรุ่นอายุประมาณ 25 - 26 ปี นำทองรูปพรรณมาขายโดยบอกว่าน้ำหนัก 8 บาท แต่เมื่อนำทองรูปพรรณชั่งน้ำหนักพบว่ามีน้ำหนัก 10 บาท อีกทั้งข้อมูลในไลน์กลุ่มผู้ค้าทอง ส่งต่อข้อความว่าช่วงสายเกิดเหตุชิงทรัพย์ร้านทองแห่งหนึ่ง ผู้ค้าทองจึงดูตราปั้มบนทองรูปพรรณ พบว่าทองรูปพรรณเส้นนี้เป็นของร้านทองที่ถูกคนร้ายชิงทรัพย์ จึงปฏิเสธการรับซื้อ
เบาะแสสำคัญภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านทองที่ชายวัยรุ่น นำทองรูปพรรณไปขาย ประกอบกับภาพคนร้ายที่ก่อเหตุ ถูกนำมาเทียบเคียงพบว่ามีสัดส่วนรูปร่างใกล้เคียงกันมาก
ชุดสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดหลังจากชายวัยรุ่น ออกจากร้านพบว่า ชายวัยรุ่นคนนี้ขึ้นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีเทา คันหนึ่ง ชุดสืบสวนจึงตรวจสอบข้อมูลหมายเลขทะเบียนรถยนต์คันดังกล่าว พบว่าผู้ครอบครองที่ภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ต.เชิงดอย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ จากนั้นตรวจสอบข้อมูลบุคคลในบ้านหลังดังกล่าว
พบว่าบุคคลในบ้าน คือ ชายวัยรุ่นที่นำทองรูปพรรณไปขาย และรูปร่างใกล้เคียงกับคนร้ายที่ก่อเหตุ ชุดสืบสวนจึงเดินทางไปที่บ้านหลังดังกล่าว พบคนร้าย อยู่ภายในบ้านพร้อมกับพ่อแม่
การซักถามเจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้อง ขณะเดียวกันชุดสืบสวนให้ดูพยานหลักฐานบางส่วน ทำให้คนร้ายออกอาการพิรุธไม่นานนัก ก็รับว่าเป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ร้านทอง และนำชุดสืบสวนไปตรวจยึดทองรูปพรรณที่ซ่อนอยู่ในกระถางต้นไม้ และฝังดินไว้ในบริเวณบ้าน และทองรูปพรรณน้ำหนักไม่มากบางส่วนนำไปขายให้กับร้านทองที่ อ.ดอยสะเก็ด และ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
หลังจากที่คนร้าย รับและสมัครใจพาชุดสืบสวนตรวจยึดของกลาง ชุดสืบสวน ซักถามรถยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ เจ้าตัวก็รับว่า ฆ่าคนขับรถรับจ้างที่เรียกผ่านแอป เสียชีวิต แล้วนำรถยนต์ของไรเดอร์ที่เสียชีวิต ไปก่อเหตุ และเอาเสื้อไรเดอร์มาสวมใส่เข้าก่อเหตุ แล้วนำรถกลับมาจอดไว้บริเวณจุดที่ฆ่าคนขับ โดยวางแผนโยนความผิดให้คนขับเป็นคนก่อเหตุ
คนร้ายพาไปชี้จุดที่ฆ่าเจ้าของรถ และทิ้งรถหลังก่อเหตุชิงทรัพย์ ซึ่งระหว่างทางที่พาชุดสืบสวนไปตรวจสอบ เจ้าตัวบอกว่า ช่วงเช้านำรถยนต์ของตนเองไปจอดไว้เชิงดอยสุเทพใกล้กับร้านอาหารหลังสวนสัตว์เชียงใหม่ จากนั้นเดินไปตามถนนสุเทพไปยังจุดชมวิวแล้วเรียกใช้บริการรถ เมื่อรถมารับได้ขึ้นรถนั่งที่เบาะหลังแล้วใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ยิงท้ายทอยคนขับ
จากนั้นขับรถมายังจุดทิ้งศพนำร่างทิ้งลงภูเขาลึกเข้าในป่า แล้วขับรถคันดังกล่าวไปยังห้างสรรพสินค้าก่อเหตุชิงทอง หลังก่อเหตุขับรถยนต์หลบหนีออกจากห้าง มายังจุดที่ทิ้งศพจอดทิ้งไว้ ก่อนที่จะเดินลงมาเอารถยนต์ของตนเองที่จอดไว้ตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วนำทองไปขายก่อนกลับเข้ามาในบ้าน
คำบอกเล่าของคนร้าย เป็นความจริงเมื่อคนร้าย พาชุดสืบสวนไปจุดที่ฆ่าคนขับ จุดที่ทิ้งร่าง และจอดรถที่นำไปก่อเหตุ
พบข้อมูลการวางแผนก่อเหตุเป็นขั้นตอน ถูกบันทึกไว้ในโทรศัพท์มือถือของคนร้าย อย่างละเอียด โดยคนร้าย บอกว่า ตนเองจบชั้น ม.6 ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง คณะวิทยาศาสตร์ เรียนได้ 2 ปี แต่เรียนไม่จบ โดยเหตุการณ์นี้วางแผนมาครึ่งปี เดินทางไปทุกจุด มีการคำนวณระยะทาง ระยะเวลาที่ใช้เดินทาง เส้นทางต่าง ๆ เวลาที่ใช้ก่อเหตุ โดยตั้งใจว่าจะนำทองรูปพรรณทั้งหมดไปขายแล้วจะไปอยู่ประเทศญี่ปุ่น
ขณะที่ แม่ของผู้ต้องหา ยอมรับว่า เสียใจที่ปล่อยลูกให้อยู่กับเกม เชื่อเรื่องเสียเงิน 10 ล้านเป็นเหตุ ไม่เคยเอะใจว่าลูกจะก่อคดีสะเทือนขวัญมาก่อนเลย
เสียใจที่ปล่อยให้ลูกมีพฤติกรรมติดเกม และลูกชอบดูหนังประเภทสืบสวน ฆาตกรรมรุนแรง บางครั้งมีพฤติกรรมรุนแรง แต่เชื่อว่าปมก่อเหตุน่าจะมาจากการที่ครอบครัว ถูกหลอกเทรดหุ้นทองคำ แล้วโกงเงินไปกว่า 10 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ลูกชายเคยเตือนแล้ว ทำให้ลูกอาจจะคิดหาเงินมาช่วยครอบครัว