ครูรีบค้าน จู่ๆ พ่อขอให้ลูกซ้ำชั้น ป.3 ทั้งที่บ้านจน แต่รู้เหตุผล "ดัดนิสัย" หมอยังยกย่อง

ครูรีบค้าน จู่ๆ พ่อขอให้ลูกซ้ำชั้น ป.3 ทั้งที่บ้านจน แต่รู้เหตุผล "ดัดนิสัย" หมอยังยกย่อง

ครูรีบค้าน จู่ๆ พ่อขอให้ลูกซ้ำชั้น ป.3 ทั้งที่บ้านจน แต่รู้เหตุผล "ดัดนิสัย" หมอยังยกย่อง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 พ่อในฮานอยตัดสินใจให้ลูกชายเรียนซ้ำชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 แม้ว่าลูกจะยังมีคุณสมบัติขยับขึ้นชั้นเรียนต่อไปได้ตามปกติคุณครูไม่เห็นด้วยก็จะยอมพาย้ายโรงเรียน เพียงเพราะอยากฝึกให้ลูกมีระเบียบวินัยและหวังว่าจะมีพัฒนาการดีกว่า แพทย์รู้เหตุผลถึงยอมรับและชื่นชม

ตามรายงานพบว่า นายเหงียน ฮอง เชียน ชายอายุ 40 ปี ในฮานอย ประเทศเวียดนาม ได้ทำการตัดสินใจที่ยากลำบากอย่างยิ่ง โดยให้ลูกชายของเขาเรียนซ้ำชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เพราะต้องการให้พักการเรียนหลังจากจบเทอมแรก แม้ว่าถ้าเรียนต่อไปจะยังมีสิทธิ์เลื่อนชั้นไปชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พร้อมกับเพื่อนๆ ก็ตาม

แน่นอนว่าการตัดสินใจครั้งนี้ถูกคนจำนวนมากคัดค้าน บางคนถึงกับหัวเราะเยาะเพราะรู้ว่าครอบครัวของเขามีฐานะไม่ดี และการต้องเรียนซ้ำชั้นก็เท่ากับมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับครูประจำชั้นที่โน้มน้าวว่า  “ผลการเรียนของเด็กอยู่ในระดับปานกลาง ไม่จำเป็นต้องเรียนซ้ำใหม่”  พร้อมชี้ให้เห็นว่าการให้นักเรียนเรียนซ้ำจะส่งผลกระทบต่อโรงเรียนและนักเรียน และแนะนำให้ผู้ปกครองพิจารณาด้วย

อย่างไรก็ดี ผู้เป็นพ่อยังคงยืนยันความตั้งใจเดิมของตนเอง โดยอธิบายว่าเขายินดีให้ลูกชายเรียนซ้ำชั้นได้ ไม่ใช่เพราะความสามารถทางวิชาการของลูก แต่เพราะเขาต้องการฝึกให้ลูกมีความรับผิดชอบและมีระเบียบวินัย นอกจากนี้เขายังยอมรับว่าบุคลิกที่ขาดระเบียบวินัยของลูกเป็นความผิดของครอบครัว ไม่ใช่ของโรงเรียนหรือคุณครู

“ทางครอบครัวตัดสินใจแล้ว แม้ว่าเขาจะต้องเปลี่ยนโรงเรียน แต่ผมก็จะให้เขาเรียนซ้ำชั้นประถมศึกษาปีที่ 3” คุณพ่อกล่าว

ตามที่คุณพ่อเล่าคือ ลูกชายของเขาเป็นลูกคนเดียว และเป็นหลานชายคนโตของครอบครัว ดังนั้นจึงมีนิสัยเอาแต่ใจมาตั้งแต่เด็ก ต่อมาก็เริ่มเห็นแก่ตัวและเรียกร้อง เมื่อไม่ได้ตามต้องการก็จะหยาบคาย มีปฏิกิริยาที่รุนแรงกับผู้ใหญ่ เรียกร้องทุกอย่างที่เขาต้องการ และไม่รู้จักรักและเห็นใจคนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย

“อายุลูกชายของผมตอนนี้ยังพอจัดการได้ แต่ถ้าปล่อยไว้แบบนี้อีกสัก 2-3 ปี เกรงว่าลูกจะเสียคนและไม่มีทางแก้ไขได้อีก” คุณพ่ออธิบายการตัดสินใจของเขา โดยหลังจากสิ้นสุดเทอมนี้ เขาได้พาลูกไปเข้ารับการปรึกษาและจิตบำบัดโดยผู้เชี่ยวชาญ โดยหวังว่าจะปรับปรุงพฤติกรรมของลูกชายได้

แพทย์รู้เหตุผลถึงยอมรับและชื่นชม

ในเรื่องนี้ นพ.เหงียน ฮอง บาค จากสถาบันจิตวิทยาและการสื่อสาร สมาคมจิตวิทยาเวียดนาม กล่าวว่า ตอนที่เขารับให้คำปรึกษาครั้งแรก เด็กชายคนนี้หัวแข็งและพฤติกรรมที่รุนแรงมาก มักจะทะเลาะกับผู้ใหญ่ และทำตามที่เขาต้องการเท่านั้น เมื่อฟังผู้ปกครองเล่าเรื่องเรียนซ้ำชั้นก็เข้าใจเหตุผล และคิดว่าการตัดสินใจของผู้ปกครองนั้นกล้าหาญมาก และจะส่งผลดีต่ออนาคตของลูกด้วย

“ผมชื่นชมคู่รักคู่นี้มาก เพราะพวกเขากล้าที่จะเปลี่ยนแปลง กล้าที่จะต่อสู้เมื่อพวกเขาเริ่มตระหนักว่าการเอาแต่ใจก่อนหน้านี้ ได้ทำให้ลูกชายสูญเสียวินัย จนลูกไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมและอารมณ์ของตนเองได้” คุณหมอกล่าว

ตามที่คุณหมอกล่าว การรักษาที่สำคัญที่สุดคือการฝึกอบรมเด็กๆ ให้มีความรับผิดชอบ มีวินัย ความอุตสาหะ และช่วยให้พวกเขาตระหนักถึงคุณค่าและชีวิตของตนเอง ทุกอย่างเริ่มจากสิ่งที่ง่ายที่สุด เช่น การตื่นนอนตรงเวลา กินข้าวตรงเวลา และทำงานตามความสามารถของตัวเอง

ในตอนแรกก็แค่ทำความสะอาดห้องนอน กวาดพื้น และซักเสื้อผ้าด้วยมือ จากนั้นก็มีงานง่ายๆ เช่น การขุดดินและปลูกผักเพื่อผสมผสานกับธรรมชาติ และอยู่ห่างจากโทรศัพท์ ทั้งหมดนี้นอกเหนือจากการช่วยให้เด็กๆ มีระเบียบวินัยและดูแลตัวเองแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการช่วยให้พวกเขาจัดการอารมณ์ของตัวเองได้ดี

“หลายเดือนต่อมาพ่อแม่ก็ตัดสินใจส่งลูกไปที่ศูนย์ฯ แม้จะคิดถึงลูกมากก็ตาม ผมจำได้ว่าตอนที่พ่อแม่มาเยี่ยมลูก พวกเขามองผ่านรั้วเท่านั้น จากนั้นก็กอดกันและร้องไห้ ผมเข้าใจความรักที่พวกเขามีต่อลูก แต่พวกเขากลับเก็บมันไว้ในใจเพื่อลูกของพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขาจะตระหนักได้ว่าลูกรักพวกเขามากขึ้น มีความรับผิดชอบในชีวิตมากขึ้น และด้วยเหตุนี้จึงช่วยให้พ่อแม่ตระหนักถึงความผิดพลาดในอดีต"

ในกรณีนี้ การเปลี่ยนความคิด พฤติกรรม และวินัย ต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก นอกจากนั้นยังต้องมีความมุ่งมั่นจากพ่อแม่ ไม่เช่นนั้นทุกอย่างจะกลับคืนสู่ศูนย์

“หลังจากบำบัดได้หนึ่งเดือน ผมก็ส่งวิดีโอที่ลูกของพวกเขากวาดพื้น ซักผ้าด้วยมือ... พ่อแม่ร้องไห้สะอื้น พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าลูกจะทำสิ่งเหล่านั้นได้ เมื่อกลับมาสู่ครอบครัวอีกครั้ง เด็กชายก็พิถีพิถันตั้งแต่การแต่งตัวเพื่อดูแลตัวเอง รู้จักแบ่งปันกับคนรอบข้าง ที่สำคัญคือเขาจัดการอารมณ์ได้ดีมาก ไม่บ่นอีกต่อไป ไม่เห็นแก่ตัว หรือทำลายข้าวของเมื่อไม่พอใจ” คุณหมอกล่าว

เมื่อกลับมาอยู่กับครอบครัว สิ่งที่สำคัญที่สุดตามที่คุณหมอกล่าวคือ การดูแลที่เหมาะสมของพ่อแม่ แม้ว่าจะรักลูกมากแค่ไหนแต่ยังต้องฝึกให้พวกเขามีระเบียบวินัยและมีความรับผิดชอบ หากคุณรักลูก ทะนุถนอมและดูแลลูกมากเกินไป การที่เด็กจะกลับไปสู่พฤติกรรมเก่าๆ ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

จากกรณีข้างต้น คุณหมอเชื่อว่าการที่พ่อแม่รักลูกเป็นเรื่องถูกต้องแต่หากรักแบบไม่ถูกต้องย่อมต้องรับผลที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กล่าวคือ ลูกจะเห็นแก่ตัวมากขึ้น มีความต้องการมากขึ้น และที่สำคัญคือ พวกเขาจะไม่เห็นคุณค่าของครอบครัวที่พวกเขามี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook