รับศพ "แอ๋ม" แม่บ้านสภาเหยื่อทหารหึงโหด "จูน กษมา" โพสต์เศร้า ไม่มีค่าทำศพให้บอก

รับศพ "แอ๋ม" แม่บ้านสภาเหยื่อทหารหึงโหด "จูน กษมา" โพสต์เศร้า ไม่มีค่าทำศพให้บอก

รับศพ "แอ๋ม" แม่บ้านสภาเหยื่อทหารหึงโหด "จูน กษมา" โพสต์เศร้า ไม่มีค่าทำศพให้บอก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ญาติรับศพ "แอ๋ม" เหยื่อทหารหึงโหด แทงหัวใจฉีก "จูน กษมา" ช่วยค่าเดินทางกลับบ้าน เผยถ้าไม่มีค่าทำศพให้บอก

ครอบครัวรับร่างนางสาวเขมฤทัย หรือ แอ๋ม อายุ 30 ปี อดีตแม่บ้านทำความสะอาดรัฐสภา ซึ่งถูกอาวุธมีดปลายแหลม ยาว 58 ซม. แทงเข้าที่บริเวณกลางหน้าอก 1 แผล นอนเสียชีวิต ในสภาพศพอืดบวม อยู่ภายในห้องพักของอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กทม.  

โดยเบื้องต้นแพทย์ระบุว่า เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7 วัน และพบว่า มีดีเอ็นเอ ติดอยู่ที่อาวุธมีดของกลาง ต่อมา ศาลออกหมายจับ นายสุนัย อายุ 24 ปี ชาว จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นแฟนของผู้ตาย ตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ ที่ 404/2567 ลงวันที่ 9 ก.ค.67 ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” โดยพลทหารสุนัย ฯ ปัจจุบันเป็นทหารกองประจำการ ผลัดที่ 2/64 สังกัด ม.3 พัน.18 และปฏิบัติราชการสนามชายแดน จ.เชียงราย ถูกตำรวจติดตามไปควบคุมตัวมาที่ สภ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่เมื่อคืนวานนี้ (9 ก.ค.67)  

ล่าสุดวันนี้ (10 ก.ค.67) เวลา 09.00 น. ที่ สน.สามเสน นางสาวดาริกา อายุ 29 ปี น้องสาวของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาติดต่อขอรับเอกสารกับทางพนักงานสอบสวน เพื่อไปรับศพนางสาวเขมฤทัย ที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล  

ดาริกา เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า หลังรู้ว่าแฟนหนุ่มของพี่สาวเป็นคนร้ายฆ่าพี่สาว ก็รู้สึกตกใจ เพราะตลอดระยะเวลาที่เขาคบหากับพี่สาว 7-8 เดือน เห็นเขารักกัน ดูแลกันดี เหมือนคู่รักตามปกติทั่วไป ไม่คิดว่าเขาจะโหดร้าย ทำรุนแรงกับพี่สาวเราได้ถึงขนาดนี้ ยืนยันว่าจะไม่ให้อภัยคนร้าย และยอมรับว่าโกรธมาก พร้อมทั้งอยากถามเขาว่า

“ทำไมถึงทำกับพี่สาวเราแบบนี้ ถ้าไม่เข้าใจอะไรกัน ทำไมถึงไม่พูดคุยกันดี ๆ หรือถ้าสุดท้ายแล้วชีวิตคู่ไปด้วยกันไม่ได้ ทำไมถึงไม่แยกย้ายกันใช้ชีวิต ถ้าผู้หญิงเขาไม่เลือกเรา ทำไมถึงไม่ปล่อยเขาไป”   

ดาริกา พูดต่อว่า ส่วนตัวรู้สึกแย่ อยากรู้เหตุจูงใจของฝ่ายชาย ทำไมถึงทำแบบนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พี่สาวไม่ค่อยเล่าเรื่องส่วนตัวอะไรให้ฟัง เธอจึงไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก ครั้งล่าสุดที่เจอกับฝ่ายชาย และพี่สาว ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่เจอกัน คือ ช่วงเทศกาลลอยกระทงปีที่แล้ว เคยไปเที่ยวด้วยกัน เท่าที่ดูผิวเผินเขาก็ดูรักพี่สาวเราดี ไม่มีท่าทางดูโมโหร้ายอะไร 

ส่วนที่น่าเป็นห่วงตอนนี้ คือสภาพจิตใจของคนทางบ้านแย่มาก โดยเฉพาะแม่ พอรู้ข่าวก็เป็นลมไปเลย ซึ่งเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา พี่สาวเพิ่งจะโทรไปหาแม่ว่าจะกลับบ้าน แต่ไม่คิดว่าการกลับบ้านของพี่สาวจะกลับไปแบบนี้ ส่วนพี่สาวมีลูก 2 คน พอต้องสูญเสียกะทันหัน หลังจากนี้ก็ต้องช่วยกันดูแลกันต่อไป โดยยืนยันว่าทางคดีก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด  

ด้าน พ.ต.อ.นิพนธ์ นิธิการุณย์เลิศ ผกก.สน.สามเสน เปิดเผยความคืบหน้าทางคดีว่า หลังจากแจ้งข้อกล่าวหานายสุนัย ให้รับทราบตามหมายจับแล้ว ได้ซักถามปากคำ เบื้องต้นนายสุนัย ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ อ้างว่าที่ลงมือก่อเหตุไป เพราะความหึงหวง จึงใช้มีดแทงนางสาวเขมฤทัย เสียชีวิต โดยมีดอยู่ภายในห้องอยู่แล้ว ส่วนรายละเอียดทั้งหมด จะต้องนำตัวมาสอบปากคำอีกครั้ง โดยมีนายทหารพระธรรมนูญ ร่วมสอบปากคำด้วยตามสิทธิของผู้ต้องหา ขณะนี้อยู่ระหว่างนำตัวผู้ต้องหาเดินทางกลับมาที่ สน.สามเสน เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม แต่ยังไม่ทราบเวลาแน่ชัดว่าจะมาถึง สน.เวลาใด 

ต่อมา เวลา 13.30 น. ที่ตึกภาควิชานิติเวชศาสตร์ รพ.วชิรพยาบาล นางสาวดาริกา พร้อมด้วยญาติ ๆ และเพื่อนร่วมงาน เดินทางเข้ารับร่างนางสาวเขมฤทัย เพื่อนำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ภูมิลำเนา ณ.วัดบ้านโพนไฮ ตำบลหนองแคน อำเภอ ดงหลวง จ.มุกดาหาร ขณะที่บรรยากาศน้องสาวได้จุดธูปบอกเจ้าหน้าที่เจ้าทาง เพื่อเรียกวิญญาณพี่สาวกลับบ้านท่ามกลางความโศรกเศร้า 

ด้านนางจุ้ม อายุ 46 ปี เพื่อนร่วมงานของผู้ตาย เผยว่า ผู้ตายมาทำงานเป็นแม่บ้านที่รัฐสภาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว ที่ผ่านมาตนเองก็รู้ว่าน้องแอ๋มมีการพูดคุยและคบหากับนายสุนัย เพราะมักจะโทรหากัน และมาหากันที่ห้องอยู่บ่อยครั้ง จากที่แอ๋มเคยเล่าให้ฟังมาคือนายสุนัย ค่อนข้างเป็นคนที่ขี้หึงหวงหนักมาก ถึงขั้นต้องมีการเชื่อมแอคเคาท์ ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊กและไลน์ไว้ในโทรศัพท์ของนายสุนัยเอง เพราะคิดไปเองว่าน้องแอ๋มจะไปคุยกับผู้ชายคนอื่น 

และเมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา น้องแอ๋มได้มาบอกกับตนว่า จะลาออก เพราะแม่ของแอ๋มจะไปทำงานต่างจังหวัด และไม่มีใครดูแลลูกของแอ๋มทั้ง 2 คน แอ๋มจึงจะกลับไปดูแลลูก ซึ่งถ้าทุกอย่างลงตัวแอ๋มก็จะกลับมาทำงานที่นี่อีก ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับทางแฟนหนุ่มที่ทำให้แอ๋มต้องลาออก โดยวันสุดท้ายที่เพื่อนที่ทำงานทุกคนเห็นแอ๋ม คือ วันที่ 18 มิ.ย.67 หลังจากนั้นก็ไม่มีใครติดต่อหาแอ๋มอีกเลย 

จนกระทั่ง วันที่ 3 ก.ค.67 ที่ผ่านมา มีแชทไลน์ของแอ๋มทักมาหาเพื่อนที่ทำงานว่า “แอมจะไม่อยู่นะ แอ๋มจะเข้าป่า โทรศัพท์จะเอาไว้กับผัว จะติดต่อแอ๋มไม่ได้” ซึ่งพอเพื่อนทุกคนรู้เรื่องนี้ก็ไม่มีใครเชื่อ เนื่องจากทั้งเฟซบุ๊ก และไลน์ของแอ๋ม ทางด้านนายสุนัยมีการเชื่อมเข้าโทรศัพท์ตัวเองไว้จึงคิดว่าน่าจะเป็นสุนัยที่ทักมาหาเพื่อนแบบนี้ ส่วนเหตุผลที่ต้องมาฆ่าแอ๋มตนเองคาดว่า น่าจะมาจากเรื่องหึงหวง ซึ่งตนเองเป็นคนหนึ่งที่เชื่อว่าถ้าคนรักกันเค้าจะไม่มีทางฆ่ากันแบบนี้ พร้อมยืนยันว่าระหว่างที่แอ๋มคบหากันอยู่ แอ๋มไม่เคยคุยกับผู้ชายคนอื่น 

หลังการรับร่างพี่สาว นางสาวดาริกา เปิดเผยว่า พอเห็นหน้าพี่สาวก็ได้มีการบอกว่าให้กลับไปอยู่บ้านด้วยกัน และมีการแจ้งว่าจับคนร้ายได้แล้ว แม้ว่าตนเองจะยังไม่เห็นหน้าคนร้ายก็ตาม ทั้งนี้ อยากฝากขอบคุณทางผู้สื่อข่าวที่ช่วยนำเสนอข่าวจนเจ้าหน้าที่สามารถจับคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เร่งดำเนินการจนสามารถจับคนร้ายได้ และขอขอบคุณผู้ใจบุญที่สนับสนุนช่วยเป็นค่าเดินทางในการเคลื่อนย้ายร่างของพี่สาวกลับไปยังภูมิลำเนาบ้านเกิด ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นแพทย์ระบุในใบมรณะบัตรว่า หัวใจฉีกขาดจากบาดแผลถูกแทงบริเวณหน้าอก 

ทั้งนี้ ทางครอบครัวจะมีการจัดพิธีสวดอภิธรรม เป็นเวลา 1 วัน ก่อนจะฌาปนกิจในวันพรุ่งนี้ (11 ก.ค.67)  

ทางด้าน จูน-กษมา ศิลาชัย อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ภรรยาของ เปิ้ล นาคร ได้โพสต์ถึงเรื่องราวดังกล่าวว่า เธอเป็นคนรับเคสช่วยเหลือค่าเดินทางเคลื่อนศพของแอ๋ม ระบุว่า

"เมื่อวานมีพี่คนที่จูนรู้จัก โทรมาหาจูนเล่าเรื่องเคสนี้ให้จูนฟัง ทางญาติไม่มีเงินค่ารถรับศพกลับไปบ้านเกิดที่มุกดาหาร จูนเลยขอรับเคสนี้ไว้เอง สงสารจับใจ เวลาคนไม่มี ก็คือไม่มีจริงๆนะ ขอให้พี่แอ๋มไปสู่สุขคตินะคะ เกิดในภพภูมิที่ดีนะคะ"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook