เปิดใจ เจ้าของร้านลูกชิ้น รู้คนขโมยจนก็ขอถอนแจ้งความ แต่ตร.บอกเป็นคดีอาญา
เจ้าของร้านลูกชิ้น เปิดใจหลังโดนทัวร์ลง กระทบทั้งการค้าขายและสภาพจิตใจ เผยหลังรู้คนขโมยยากจนก็ขอถอนแจ้งความแล้ว แต่ ตร.บอกเป็นคดีอาญา ถอนไม่ได้
จากกรณีที่ นายบุญเที่ยง อายุ 50 ปี ถูกตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ จับกุมในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 พ.ค.67 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.39 น. กระทั่งต่อมาทราบว่าลูกชิ้นที่นายบุญเที่ยงขโมยไปนั้นเอาไปทอดให้ครอบครัวกิน ส่วนหนึ่งเอาไปแบ่งให้พ่อแม่ที่แก่ชรา อายุ 88 ปี และ 89 ปี ที่ อ.ลำปลายมาศ ซึ่งฐานะยากจน โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ป่วยติดเตียง
ล่าสุด วันนี้ (12 ก.ค.) น.ส.ณิชชาวีณ์ เจ้าของร้านลูกชิ้นที่ถูกขโมยและเป็นผู้เสียหาย ก็ได้ออกมาเปิดใจและชี้แจงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า เหตุการณ์ที่มีคนมาขโมยลูกชิ้นหน้าร้านเกิดขึ้นเวลาประมาณ 21.39 น. วันที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นลูกชิ้นที่ลูกค้าสั่งซื้อไว้ 2 ถุง และจ่ายเงินให้กับทางร้านแล้ว
โดยทางร้านได้วางถุงลูกชิ้นไว้ให้ลูกค้าบนโต๊ะหน้าร้าน เพราะลูกค้าจะมารับเพื่อนำไปทอดขายตอนกลางคืน แต่พอลูกค้ามารับเหลือลูกชิ้นแค่ถุงเดียวจึงติดต่อมาทางร้าน เมื่อเปิดกล้องดูก็พบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งขี่ จยย.มาขโมยไป ต่อมาวันที่ 25 พ.ค. ก็นำหลักฐานไปแจ้งความที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้รู้เลยว่าผู้ก่อเหตุเป็นใครฐานะอย่างไร
กระทั่งช่วงบ่ายวันที่ 25 ก.ค. ตำรวจชุดสืบสวนแจ้งว่าสามารถจับกุมตัวคนที่ขโมยลูกชิ้นได้แล้ว ให้ตนไปชี้ตัวที่โรงพัก ซึ่งตำรวจชุดสืบก็ยังบอกกับตนเองว่าตอนไปจับกุมเห็นสภาพบ้านของผู้ก่อเหตุยากจนมาก พร้อมกับเอารูปถ่ายให้ดูด้วย แต่ตอนนั้นยังไม่ได้เจอตัวผู้ก่อเหตุ
กระทั่งตำรวจนำตัวผู้ก่อเหตุมาถึงโรงพัก ก็ติดต่อให้ตนไปชี้ตัวผู้ต้องหาอีกครั้ง พอตนเห็นสภาพผู้ก่อเหตุก็รู้สึกสงสารไม่อยากเอาเรื่อง พอกลับมาถึงบ้านร้อยเวรฯ ก็ยังโทรศัพท์มาสอบถามว่าจะดำเนินการอย่างไร ตนก็แจ้งกับร้อยเวรฯ ไปว่าขอถอนแจ้งความเพราะสงสารไม่อยากเอาเรื่อง ก็คิดว่าไม่มีอะไรแล้ว
แต่ต่อมาสักพักร้อยเวรฯ โทรมาแจ้งว่าผู้บังคับบัญชาบอกว่าถอนแจ้งความไม่ได้เพราะเป็นคดีอาญาแผ่นดิน และเกรงจะไปก่อเหตุอีก ตำรวจก็จะโดนฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วย ดังนั้นทางตำรวจจึงต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน
กระทั่งมีการออกข่าวล่าสุดว่าตำรวจนำสำนวนและผู้ต้องหาส่งอัยการ โดยที่ไม่มีข้อมูลของทางร้านเลย นำเสนอแค่ฝ่ายเดียว ทำให้ร้านโดนทัวร์ลงกระทบกับการค้าขายและสภาพจิตใจ ทั้งที่เป็นผู้เสียหาย จึงอยากให้สื่อนำเสนอให้รอบด้าน และฝากถึงโซเชียลให้ฟังทุกฝ่ายก่อนคอมเมนต์ก็ขอให้เห็นใจทางร้านด้วย เพราะการค้าขายก็มีต้นทุน แต่ที่ผ่านมาก็ร่วมกับญาติพี่น้องตอบแทนสังคม ด้วยการจัดโรงทานเลี้ยงผู้ยากไร้เป็นประจำทุกปี