เร่งไขปริศนา เหตุตายหมู่โรงแรมดัง พบพิรุธจองไว้ 7 มาเช็กอินแค่ 5 แต่มีคนตาย 6 ศพ

เร่งไขปริศนา เหตุตายหมู่โรงแรมดัง พบพิรุธจองไว้ 7 มาเช็กอินแค่ 5 แต่มีคนตาย 6 ศพ

เร่งไขปริศนา เหตุตายหมู่โรงแรมดัง พบพิรุธจองไว้ 7 มาเช็กอินแค่ 5 แต่มีคนตาย 6 ศพ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เร่งไขปริศนา เหตุชาวเวียดนามตายหมู่ในโรงแรมดังกลางกรุง จองไว้ 7 มาเช็กอินแค่ 5 แต่มีคนตาย 6 ศพ อาหารสั่งมายังไม่ได้กิน

เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ภายหลังเกิดเหตุที่โรงแรมชื่อดังย่านราชประสงค์ พบชาวต่างชาติเสียชีวิต 6 ศพ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. และ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ. ได้แถลงรายละเอียดของเหตุการณ์ดังกล่าวต่อสื่อมวลชน

พล.ต.ท.ธิติ กล่าวว่า วันนี้เจ้าหน้าที่โรงแรม ได้เข้าไปทำความสะอาดห้องพักบริเวณชั้น 5 โดยห้องที่เกิดเหตุต้องทำการเช็กเอาท์ในช่วงบ่าย แต่ไม่ได้เช็กเอาท์จึงทำการตรวจสอบ และพบผู้เสียชีวิต จึงมาแจ้งผู้บริหาร และ สน. ในพื้นที่ตามลำดับ หลังจากนั้น 17.00 น. ทีมฝ่ายสอบสวนและสำนักงานพิสูจน์หลักฐานเข้ามา

ข้อมูลตอนนี้มีผู้เสียชีวิต 6 คน ในโซนรับแขก 4 คน ห้องนอน 2 คน เป็นเพศชาย 3 คน เพศหญิง 3 คน โดยทั้งหมด เดินทางมาเช็กอินที่โรงแรมไม่พร้อมกัน เดินทางมาวันที่ 13 ก.ค. 1 ชุด และวันที่ 14 ก.ค. อีก 1 ชุด พักอยู่ที่ชั้น 7 ของโรงแรมจำนวน 4 ห้อง และชั้น 5 อีก 1 ห้อง รวมทั้งหมด 5 ห้อง แจ้งการจองมา 7 คน มาเช็กอินเข้าพัก 5 คน แต่พบศพ 6 ราย 

พล.ต.ท.ธิติ กล่าวต่อว่า จากการตรวจห้องที่ผู้ตายเข้าพัก 4 ห้องในชั้น 7 ต้องเช็กเอาท์ออกจากโรงแรมเมื่อวานตอนบ่าย โดยได้มีการเก็บกระเป๋าไปรวมไว้ที่ห้องชั้น 5 โดยโรงแรมให้ข้อมูลว่ายัง ไม่มีการชำระค่าใช้จ่าย

พล.ต.ท.ธิติ ระบุว่า เชื่อว่าเสียชีวิตหลังจากเวลา 13.53 น. (ของวันที่ 15 ก.ค.) เพราะเจ้าหน้าที่รูมเซอร์วิสเข้ามาส่งอาหาร เมนูอาหารที่สั่งมีลักษณะเป็นอาหารจานเดียว 6 จานวางอยู่ในห้องรับแขก และมีถ้วยเครื่องดื่มลักษณะคล้ายการผสมเครื่องดื่มอีก 6 ถ้วย วางอยู่ที่จัดเตรียม 5 ถ้วย และอยู่บนโต๊ะ 1 ถ้วย และมีเศษตกค้างบนถ้วย ทาง สพฐ. ได้เก็บไว้หมดแล้วซึ่งตรงกับผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ราย

ฝ่ายสืบสวนตรวจดูร่องรอยการต่อสู้ ร่องรอยการทำร้าย การรื้อค้นเพื่อมุ่งร้ายเอาทรัพย์หรือไม่ โดยในเบื้องต้นไม่พบร่องรอยบาดแผลที่ปรากฏชัดเจน และข้าวของยังอยู่เป็นปกติ เมื่อแม่บ้านเข้าไปตรวจดูพบว่าประตูถูกล็อกจากด้านใน ซึ่งต้องเข้าไปทางประตูหลังเพื่อเปิด โดยขณะนี้ฝ่ายสืบสวน ตำรวจนครบาล สตม. สรุปแนวทางที่สอดคล้องกัน ได้แก่

1. ต้องตรวจตรวจสอบบุคคลที่ 7 ก่อนว่าเดินทางเข้ามาจริงหรือไม่

2.เก็บรายละเอียดทั้งหมดของบุคคลทั้ง 6 คน ผ่านทางสถานทูตและข้อมูลโซเชียลต่าง ๆ ที่ลงทะเบียนไว้

3.หากบุคคลที่ 7 ไม่มี ต้องหามูลเหตุจูงใจในครั้งนี้

กระเป๋าทั้งหมดที่อยู่ในห้องได้ประสานไปทางสถานทูต ตำรวจนครบาล 5 ไปทำการพิสูจน์ร่วมกัน ว่าในกระเป๋ามีอะไรเป็นวัตถุพยานหรือพยานหลักฐานในครั้งนี้ได้ หรือบ่งบอกว่าบุคคลใดมีส่วนเกี่ยวข้อง ข้อสรุปตอนนี้คือทั้งหมดไม่ได้ทำร้ายตัวเอง แต่ถูกคนอื่นทำให้เสียชีวิต

พล.ต.ท.ธิติ กล่าวต่อว่า ผู้เสียชีวิตเป็นคนเชื้อสายเวียดนามทั้งหมด แต่มีสัญชาติอเมริกาอยู่ในนั้น 2 ราย โดยห้องพักชั้น 7 เปิดเช็กอินวันที่ 13 ก.ค. แต่ห้องพักชั้น 5 เปิดเช็กอินวันที่ 14 ก.ค. ซึ่งทั้งหมดจะเช็กเอาท์ในวันที่ 15 ก.ค. ทั้งหมด โดยอาหารที่พบในห้องเป็นอาหารไทย และยังไม่มีการรับประทาน ซึ่งเราจะเก็บสิ่งของทุกชิ้นภายในห้องไปตรวจสอบ พร้อมระบุอีกว่า เครื่องดื่มภายในแก้วถูกดื่มทั้งหมด และจากการตรวจสอบในห้องน้ำพบกระปุกชาที่ถูกซื้อมา ลักษณะคล้ายชาอู่หลง พร้อมน้ำเกลือแร่ 1 ขวด น้ำเปล่า 1 ขวด และทั้งสามชิ้นถูกเปิดใช้แล้ว ฝ่ายตรวจพิสูจน์หลักฐานจะพิสูจน์อีกครั้ง เพราะเสียชีวิตเกิน 24 ชั่วโมง โดยลักษณะสภาพผู้เสียชีวิตไม่มีบาดแผล มีรายเดียวที่มีบาดแผลบนใบหน้าโดยสันนิษฐานว่าน่าจะล้มฟาดโดนวัสดุแข็ง ไม่ถูกทำร้าย

เมื่อถามว่าภายใน 24 ชั่วโมงมีใครเข้าออกในพื้นที่เกิดเหตุหรือไม่ พลตำรวจโทธิติ ระบุว่า ตอนนี้กำลังไล่ดู ตั้งแต่ลงเครื่องบิน กำลังดำเนินการอยู่แต่ในระยะเวลาที่ทราบมา 2-3 ชั่วโมงพยายามตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในบริเวณนี้ก่อน แล้วจะทำไทม์ไลน์ทั้งหมดนำมาสรุปอีกครั้ง และต้องไปคุยกันต่อเกี่ยวกับการตรวจกระเป๋าที่ สน. ลุมพินี และรายละเอียดทั้งหมด ผบ.สพฐ. จะเป็นคนดูแล เพราะเราจำกัดพื้นที่ทั้งหมดในการเข้าที่เกิดเหตุ ตรวจสอบรอยนิ้วมือ รอยเลือด บนพื้นห้องทั้งหมด และเรียกพิษวิทยาเข้ามาตรวจสอบด้วย

พล.ต.ท.ธิติ ระบุว่า เราไม่ได้ตั้งประเด็นว่าเขาถูกวางยา แต่มีบุคคลคนหนึ่งประสงค์ต่อชีวิตของบุคคลอื่น ๆ แต่โดยวิธีการใดนิติวิทยาศาสตร์จะเป็นคนบอก พร้อมด้วยพยานหลักฐานมาเชื่อมโยงกัน หากสอดคล้องกันก็จะตอบได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร และยืนยันว่าไม่มีการประทุษร้าย จากการตรวจสอบมีบุคคลหนึ่งพยายามเข้ามาที่ประตู แต่มาไม่ถึง เพราะล้มอยู่หน้าประตู 2 ราย เป็นเพศชาย 1 ราย และเป็นเพศหญิง 1 ราย

ส่วนการเปิดประตู เดี๋ยวจะมีการสอบปากคำแม่บ้านอีกครั้ง โดยโซนชั้น 5 เป็นพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งจะมีห้องที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ และก็มีความเป็นไปได้ที่จะใช้เส้นทางนี้ในการหลบหนี แต่ต้องดูต่อว่าทางที่จะเดินมายังลิฟท์มีกี่ทาง มิเช่นนั้นต้องกระโดดลงมา

พล.ต.ท.ธิติ กล่าวว่า ตอนนี้เรากำลังตามหาบุคคลที่ 7 เพราะตัวเลขไม่ตรงกันกับที่เช็กอินไว้ ดังนั้นถ้ามาด้วยกันก็ต้องมี ข้อมูลในการเดินทางเข้าประเทศ ที่นั่ง สายการบิน ต้องดูว่าเดินทางเข้ามาจริงหรือไม่ซึ่งขณะนี้เรายังไม่ตัดประเด็น ต้องมีคำตอบนี้ให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากไม่มี ไม่มีเพราะอะไร และขณะนี้ให้ทางสถานทูตตรวจสอบว่าทำอาชีพอะไรและมีจุดประสงค์อะไรในการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย พร้อมสอบปากคำพนักงานที่เข้ามาเสิร์ฟอาหารว่าเห็นความผิดปกติไม่

พล.ต.ท.ธิติ ระบุว่า ในที่เกิดเหตุมีวัตถุต้องสงสัยสองชิ้น เป็นวัตถุสแตนเลส 2 ขวด ซึ่งไม่ใช่วัตถุของทางโรงแรม แต่ปรากฏอยู่ในห้อง โดยยังไม่ได้ตรวจสอบเครื่องดื่มด้านใน และจากรูปถ่าย เล็บมือเล็บเท้าของผู้เสียชีวิต มีลักษณะดำคล้ำแต่อาจเกิดจากสาเหตุการเสียชีวิตมาประมาณ 24 ชั่วโมง โดยการชันสูตรพลิกศพครั้งนี้ส่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

พล.ต.ท.ธิติ ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานที่ปิด และขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามีใครติดต่อกับผู้เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 13-14 ก.ค. หรือไม่ ตอนนี้ต้องขอสอบปากคำแม่บ้านก่อน หากมีข่าวสารข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามาก็ส่งมาได้

 

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ ของ เร่งไขปริศนา เหตุตายหมู่โรงแรมดัง พบพิรุธจองไว้ 7 มาเช็กอินแค่ 5 แต่มีคนตาย 6 ศพ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook