สาวท้องถูกรถฝ่าไฟแดงพุ่งชนเสียชีวิต ญาติเศร้า เผาลูกในท้องแยกกับแม่ ด้วยเหตุความเชื่อ
เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ป่าช้าฌาปนสถาน บ้านนาราชควายใหญ่ ต.นาราชควาย อ.เมืองนครพนม นายสมิง อายุ 56 ปี พ่อของน้องบี อายุ 23 ปี ผู้ช่วยพยาบาลที่ตั้งครรภ์ ผู้เสียชีวิตทั้งกลม เหยื่อรถยนต์ฝ่าไฟแดงชนรถเก๋ง บริเวณสี่แยกไฟแดงบ้านดอนโมง ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม ได้มีการนำร่างทารกในท้อง อายุครรภ์ 8 เดือน ไปประกอบพิธีเผาศพตามประเพณีความเชื่อ โดยแยกเผาคนละวันกับแม่ เนื่องจากชาวบ้านเชื่อว่าเป็นการตัดกรรม และเป็นการแก้เคล็ดไม่ให้เกิดเรื่องร้ายในครอบครัว ส่วนศพน้อง บี จะเผาในวันพรุ่งนี้ ขณะเดียวกันทางญาติ ได้ตั้งชื่อเด็กที่เสียชีวิต ว่าน้อง ไอยู เนื่องจากแม่ ทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลที่ห้องไอซียู ถือเป็นเหตุสลดที่สร้างความโศกเศร้า สะเทือนใจให้กับชาวบ้าน และญาติพี่น้องเป็นอย่างมาก
ส่วน แม่หล้า อายุ 50 ปี แม่ผู้ตาย ที่นั่งรถยนต์เก๋งไปด้วยกัน ได้รับบาดเจ็บสะโพกร้าวแพทย์ห้ามขยับตัวบ่อย แต่ขออนุญาตแพทย์ โรงพยาบาลนครพนม เพื่อออกมาดูหน้าลูกสาวและหลานสาว ก่อนที่จะนำศพหลานน้อยไปเผาตามประเพณี พร้อมร่ำไห้ ยอมรับยังทำใจไม่ได้ อีกทั้งยังมี น้องริว อายุ 5 ขวบ ลูกสาวคนแรกของผู้ตาย ได้รับบาดเจ็บขาหักข้างขวา ยังรับการรักษาที่โรงพยาบาลนครพนม ทางแม่ผู้ตายเปิดเผยว่า น้องริว เรียกหาแม่ตลอดว่าแม่อยู่ไหน และยังไม่รู้ว่าแม่กับน้องในท้อง เสียชีวิตแล้ว
สำหรับการดำเนินคดี พ.ต.อ.ภาคภูมิ เดชะเรืองศิลป์ ผกก.สภ. เมืองนครพนม ได้เปิดเผยว่า ภายหลังการสอบสวน ตรวจสอบพยานหลักฐานมีข้อมูลหลักฐานชัดเจนจากกล้องวงจรปิด ทั้งที่กล้องหน้ารถที่ขับตามหลังมา และกล้องตามบ้านเรือนประชาชนแถวที่เกิดเหตุ พบว่ารถยนต์ชาว สปป.ลาว ขับฝ่าไฟแดง ตามขั้นตอนของกฎหมาย ถือว่าเป็นฝ่ายผิดคันเดียว
ส่วนทางญาติเข้าใจว่า ตำรวจให้ไปหาหลักฐานเพิ่ม ไม่ได้ทิ้งภาระให้ผู้เสียหาย แต่เพียงหากพบหลักฐานเพิ่มเติม ให้นำส่งพนักงานสอบสวน เป็นความเข้าใจผิด อย่างไรก็ตามทางตำรวจจะได้เชิญตัวคนขับรถชาวลาวมารับทราบข้อกล่าวหา ฐานความผิดขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนการชดเชยเยียวยา เบื้องต้นจะมีการไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่าย หากไม่สามารถตกลงกันได้ จะต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายยืนยันทางตำรวจให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย และดำเนินคดีตามพยานหลักฐาน ขอให้มั่นใจในการทำงานของตำรวจ
ด้าน นายสมิง พ่อผู้ตาย รวมถึงภรรยา ได้เปิดเผยว่า เหตุที่นำศพของหลานสาวตายทั้งกลม ไปเผาก่อน เพราะเป็นคติความเชื่อต้องตัดขาดจากกัน ไม่เช่นนั้นเกิดชาติหน้าจะตายพร้อมกันแบบนี้อีก จึงต้องเอาลูกไปเผาหรือฝังก่อน แล้วค่อยเอาศพแม่ออกไปเผาในวันถัดมา ถือว่าตัดขาดเวรกรรม เกิดชาติใหม่จะไม่เกิดเหตุร้ายเช่นนี้อีก ส่วนทางด้านคดีหลังเป็นข่าว
ทางคู่กรณีชาวลาวได้ประสานผ่านญาติและคนสนิท ขอเจรจาไกล่เกลี่ยในการเยียวยา หลังมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดชัดเจน ว่าเป็นรถที่ขับฝ่าไฟแดงพุ่งชน พร้อมเรียกร้องให้ตำรวจดำเนินคดี เพื่อความเป็นะรรมกับครอบครัว ยอมรับกังวลใจ เพราะคู่กรณีเป็นชาวลาว หวั่นคดีไม่คืบ หากไม่คืบหน้าอยากให้มีการเปลี่ยนพนักงานสอบสวน หลังเกิดเหตุคู่กรณีและญาติ ไม่ยอมถามสารทุกข์สุขดิบเลย จึงยิ่งกังวลใจ