ลูกสอบเข้ามหาลัยฯ ได้คะแนนสูงสุด จู่ๆ หายตัวลึกลับ ตามหา 9 ปี ถึงรู้ความจริงบีบหัวใจ

ลูกสอบเข้ามหาลัยฯ ได้คะแนนสูงสุด จู่ๆ หายตัวลึกลับ ตามหา 9 ปี ถึงรู้ความจริงบีบหัวใจ

ลูกสอบเข้ามหาลัยฯ ได้คะแนนสูงสุด จู่ๆ หายตัวลึกลับ ตามหา 9 ปี ถึงรู้ความจริงบีบหัวใจ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สะเทือนใจ... ลูกชายสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้คะแนนสูงสุด แต่จู่ๆ หายตัวลึกลับก่อนเรียนจบ พ่อแม่ตามหาไม่ท้อ 9 ปี ถึงรู้ความจริงจากปากเจ้าตัว

การมีลูกชายสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ในระดับหัวกะทิ ย่อมเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองภาคภูมิใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อเด็กมาจากครอบครัวที่ยากจน แต่จะเกิดอะไรขึ้น หากว่าจู่ๆ เด็กที่ถูกตั้งความคาดหวังไว้สูงเช่นนั้นกลับ "หายตัวไป" กระทั่งหลังจาก 9 ปีแห่งความยากลำบากในการตามหา พ่อแม่ถึงก็ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับการหายตัวไปอย่างลึกลับของลูกชาย

เด็กจากครอบครัวที่ยากจนกลายเป็นนักปราชญ์ แต่กลับหายตัวไปอย่างลึกลับ

เรื่องราวของครอบครัวเกษตรกรธรรมดา ในมณฑลเจียงซี ประเทศจีน สามีภรรยาไม่มีการศึกษามากนัก แต่ก็สามารถเลี้ยงลูกให้กลายเป็นนักปราชญ์ได้ ในปี พ.ศ.2546 ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเหล่าเด็กวัยเดียวกัน ลูกชายของพวกเขาได้คะแนน 570 ถูกยกย่องให้เป็นนักวิชาการวิชาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ และได้รับการยอมรับให้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยการบินและอวกาศแห่งปักกิ่ง ความสำเร็จก้าวแรกของลูกชาย ทำให้คนเป็นพ่อแม่มีความสุขอย่างมาก พวกเขาจัดงานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ อดไม่ได้ที่จะจินตนาการด้วยว่า ต้องขอบคุณลูกชายที่ทำให้ครอบครัวสามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมที่ย่ำแย่และมีชีวิตที่ดีขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นในวันธรรมดาๆ ของปี พ.ศ.2552 พวกเขาได้รับข้อความแปลกๆ ระบุว่า "แม่ พ่อ ผมอาศัยอยู่ที่ปักกิ่งสบายดี ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไป" แต่เมื่ออ่านจบกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เนื่องจากหมายเลขโทรศัพท์ที่ส่งข้อความมาไม่ใช่ของลูกชาย เมื่อโทรกลับก็มีเพียงเพื่อนของลูกชายเท่านั้นที่รับสาย โดยอ้างว่าลูกของพวกเขายุ่งและไม่มีเวลา พอทั้งคู่ถามต่ออีกฝ่ายก็วางสายไป และไม่รับสายอีกเลย หมายเลขโทรศัพท์ของลูกชายก็ไม่สามารถติดต่อได้เช่นกัน ทั้งคู่จึงรีบเดินทางไปปักกิ่งทันที

แต่กลับพบว่าลูกชายไม่อยู่ในหอพักที่เช่าไว้ เจ้าของบ้านบอกว่าเขาเช็คเอาท์ออกไปนานแล้ว ปักกิ่งเป็นเมืองใหญ่ ทั้งคู่ไม่รู้ว่าจะหาลูกชายได้ที่ไหน และสุดท้ายก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรายงานต่อตำรวจ อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นระบบต่างๆ ยังไม่สมบูรณ์ แม้ว่าตำรวจจะพยายามค้นหาและสอบสวน แต่ก็ไม่พบร่องรอยใดๆ กระทั่งผ่านมานานถึง 9 ปี พวกเขาจึงได้เบาะแสเล็กๆ น้อยๆ ในระหว่างการค้นหาอันยาวนาน ที่เชื่อได้ว่าลูกชายยังมีชีวิตอยู่ และได้รู้ความจริงเกี่ยวกับการหายตัวไปอย่างลึกลับในปีนั้น

การปะทะกันระหว่างอุดมคติและความเป็นจริง

ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2561 หลังจากที่ลูกชายหายตัวไปเป็นเวลา 9 ปี ผู้เป็นแม่ก็ไม่มีเวลามากพอที่จะตามหาเขาอีกต่อไป เพราะเธอป่วยด้วยโรคที่รักษาไม่หาย ความปรารถนาสุดท้ายคือการได้เจอลูกชายอีกสักครั้ง ดังนั้นคนเป็นพ่อจึงเริ่มออกเดินทางตามหาลูกชายอีกครั้ง และขอความช่วยเหลือจากสื่อ กระทั่งเดือนกันยายน เขาจึงได้โทรวิดีโอคอลคุยกับลูกชาย หลังจากอีกฝ่ายเห็นแม่อ่อนแอจากอาการป่วย ก็รู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง

ปรากฎว่าจริงๆ แล้ว ทุกอย่างเริ่มขึ้นจากการ "เลือกสาขาวิชาเอก" ในตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัย เนื่องจากเป็นผู้ที่สนใจด้านฟิสิกส์เป็นอย่างมาก จึงรับฟังข้อเสนอแนะและเลือกศึกษาในสาขา "การออกแบบเครื่องบิน" อย่างไรก็ตาม หลังจากเรียนไปได้ไม่กี่เดือน เขาก็ตระหนักว่านี่ไม่ใช่วิชาเอกที่เขาต้องการ เพราะแม้ว่าจะเกี่ยวข้องกับฟิสิกส์ แต่ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติฃ ในขณะที่เขาชอบทฤษฎีมากกว่า

หลังจากพยายามอย่างไร้ผลเป็นเวลา 2 ปี เขาก็เริ่มรู้สึกอยากปลดปล่อยตัวเอง ด้วยความคิดที่ว่า "ถ้าไม่ชอบมัน ก็แค่ไม่ต้องเรียนมัน แค่ทำในสิ่งที่ชอบ" และสุดท้ายก็ตัดสินใจลาออกกลางคัน เป็นผลให้ไม่สามารถสำเร็จการศึกษาได้ ในตอนนั้นพ่อแม่แนะนำให้เขาสอบใหม่ อย่างน้อยก็จะได้รับประกาศนียบัตร แต่เขาไม่สนใจ เขาสนใจแค่ทฤษฎีฟิสิกส์เท่านั้น

แม้ “ทฤษฎีฟิสิกส์” คืออุดมคติของเขา แต่ในความจริงก็คือ หากไม่มีประกาศนียบัตรรับรอง ไม่มีการฝึกฝนหรือประสบการณ์ใดๆ แม้ว่าเขาจะมีความรู้มากมาย แต่ก็ยังไม่สามารถหางานในฝันได้ ความภาคภูมิใจถูกบดขยี้หลังจากความล้มเหลวหลายครั้ง เขาเริ่มตำหนิพ่อแม่ที่ไม่สามารถพาเขาไปในเส้นทางที่ต้องการได้ หลังจากนั้นจึงเริ่มหลีกหนีความเป็นจริงและติดเกม เมื่อไม่มีรายได้จึงใช้บัตรเครดิตใช้จ่าย

ในช่วงปลายปี 2551 เขาเป็นหนี้บัตรเครดิต 30,000 หยวน (ประมาณ 149,000 บาท) เมื่อมีการโทรไปทวงหนี้จึงทำให้พ่อทราบเกี่ยวกับการกระทำของลูกชาย ด้วยความโกรธจึงไปทุบตีลูกชายถึงปักกิ่ง แม้จะดุด่าอย่างรุนแรงแต่สุดท้ายก็ยังช่วยชำระหนี้ให้ทั้งหมด หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ “หายตัวไป” ที่สร้างความปั่นป่วนในปี 2552

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ลูกชายหายไปทำอะไร?

"การหายตัวไป" จริงๆ แล้วเป็นช่วงที่ลูกชายของเขาเริ่มหาเงิน ทำงานเสิร์ฟ งานขาย พนักงานออฟฟิศ หรือแม้แต่ทำงานผิดกฎหมาย เพราะเขาต้องการร่ำรวย จะได้กลับบ้านเกิดอย่างมีศักดิ์ศรี และไม่ “เสียเกียรติ” ในช่วงแรกยังคงมีความเพียรและภาคภูมิใจ แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปก็ยอมรับอย่างเจ็บปวดว่าเขายังเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย และพ่อตามหาเขาจนพบ จึงถึงเวลาที่เขาต้องตื่นขึ้นมาจริงๆ

ลูกชายละทิ้งความเย่อหยิ่งก่อนหน้านี้ เข้าใจความรับผิดชอบของตนเอง และกลับไปหาพ่อแม่ของเขา หลังจากนั้นก็ทำงานหนักและมุ่งมั่น ในขณะที่ผู้เป็นแม่รู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง และเริ่มให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีกับการรักษาของแพทย์ แม้ว่าจะไม่มีของนักปราชญ์และชีวิตในอุดมคติอีกต่อไป แต่การกลับมาอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว ก็นับเป็นสิ่งที่มีค่าและมีความหมายอย่างมากไม่แพ้กัน

สำหรับคนหนุ่มสาว การมีความฝันและอุดมคติเป็นสิ่งที่ดี อย่างไรก็ตาม รากฐานที่ต้องตระหนักว่ายังคงต้องอาศัยความพยายามในทางปฏิบัติ เมื่ออุดมคติและความเป็นจริงมาบรรจบกัน ต้องเรียนรู้วิธีเลือกและปรับเปลี่ยนอย่ายืดหยุ่น ในขณะเดียวกันก็ต้องยืนหยัดอย่างอดทนเพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ผิด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook