ลูกชายส่งเงินให้พ่อทุกเดือน แต่พ่อยกมรดก 1 ล้านให้คนอื่น รู้เหตุผลแล้วน้ำตาซึม

ลูกชายส่งเงินให้พ่อทุกเดือน แต่พ่อยกมรดก 1 ล้านให้คนอื่น รู้เหตุผลแล้วน้ำตาซึม

ลูกชายส่งเงินให้พ่อทุกเดือน แต่พ่อยกมรดก 1 ล้านให้คนอื่น รู้เหตุผลแล้วน้ำตาซึม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ลูกชายเจอสมุดบัญชีหลังพ่อตาย อึ้งยกเงินเก็บ 1 ล้านให้คนอื่น รู้เหตุผลแท้จริงแล้วเสียใจ ความเจ็บปวดของพ่อที่คิดไม่ถึง

นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครอบครัวของนายเจือง ซึ่งเคยอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ในเมืองหนานผิง มณฑลฝูเจี้ยน นายเจืองเป็นคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนขยันและตั้งใจทำงาน ภรรยาของเขาเสียชีวิตจากการป่วยเมื่อยังอายุน้อย ทิ้งเขาให้เลี้ยงดูลูกชายเพียงลำพัง

นายเจือง ทำงานหนักในไซต์ก่อสร้างมาหลายปี แม้ว่าชีวิตจะยากลำบาก แต่นายเจืองไม่เคยบ่นเรื่องการเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว และพยายามให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกชายเสมอ

จางเล่อ ลูกชายของนายเจือง โตขึ้นและมีอาชีพที่ประสบความสำเร็จมาก อายุยังไม่ถึง 30 ปี ก็ได้เป็นผู้อำนวยการบริษัท มีรายได้หลายหมื่นหยวนต่อเดือน ซึ่งเป็นเงินเดือนที่ชื่นชมสำหรับคนที่เกิดในชนบท นอกจากนี้จางเล่อยังส่งเงินกลับบ้านให้พ่อของเขาทุกเดือน แสดงถึงความกตัญญูของเขา

ความรู้สึกของพ่อที่อาศัยอยู่เพียงลำพังในกองเงินและบ้านหลังใหญ่ การมีลูกชายที่ประสบความสำเร็จ ทำให้เพื่อนบ้านรอบๆ ต่างมองดูนายเจืองด้วยความชื่นชม พวกเขาต่างกล่าวว่า นายเจืองใช้ชีวิตทั้งชีวิตเลี้ยงดูลูกชายที่มีความสามารถและกตัญญู ดังนั้นสิ่งที่เขาได้รับในวัยชราคือสิ่งที่ควรค่า

แต่ความรู้สึกแท้จริงของนายเจืองคือเขาไม่ได้มีความสุขอย่างที่คนอื่นคิด เพราะแม้ว่าลูกชายของเขาจะกตัญญูและห่วงใยแต่เขากลับไม่มีเวลาให้พ่อ และแม้จะมีเงินแต่เขารู้สึกว่ามันไม่มีความหมายหากไม่มีลูกชายอยู่เคียงข้าง ในส่วนลึกของใจ นายเจือง มักรู้สึกขมขื่นและเหงา อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่แต่ขาดความอบอุ่นของคนรอบข้าง เมื่อเพื่อนบ้านชมเชย เขาก็แค่ยิ้มแห้งๆ

ลูกชายของเขาเคยแนะนำให้พ่อย้ายไปอยู่ในเมือง แต่เนื่องจากนายเจืองใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในชนบท เขารู้ว่าเขาไม่คุ้นเคยกับการอยู่ในเมือง และลูกสะใภ้ของเขาก็ดูจะไม่ชอบที่จะต้องอยู่ร่วมกับพ่อสามี นายเจืองไม่ต้องการก่อปัญหา จึงปฏิเสธคำขอของลูกชายเสมอ

นายเจืองผู้เป็นพ่อ มักจะโทรหาและบอกให้ลูกชายกลับมาบ้าน แต่ทุกครั้งพ่อพูดเรื่องนี้ ลูกชายก็มักจะคิดว่าพ่อกำลังทำตัวมีปัญหาและไม่มีเหตุผล ในสายตาของลูกชาย การทำงานสำคัญที่สุด และเขายังคงส่งเงินจำนวนมากให้พ่อของเขาทุกเดือน ก่อนหน้านั้นเขาแนะนำให้พ่อออกจากชนบทมาอยู่ในเมือง แต่พ่อของเขาก็ยังปฏิเสธ ดังนั้นจางเล่อจึงคิดว่าเขาได้ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่พ่อคิดกับเขาเรื่องที่ไม่กลับไปเยี่ยม เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับ

นายเจืองไม่สามารถเกลี้ยกล่อมลูกชายได้ หลังจากนั้นเขาจึงไม่ได้โทรหาลูกชายอีกต่อไป และในที่สุดนายเจืองก็ใช้ชีวิตเงียบๆ มากขึ้น และจากไปอย่างเหงาและโดดเดี่ยว

เมื่อลูกชายทราบข่าวการเสียชีวิตของพ่อ แม้ว่าเขาจะรู้สึกเสียใจ แต่เขาก็ยอมรับได้อย่างสงบ เพราะเขาเชื่อว่า "เกิด แก่ เจ็บ ตาย" เป็นกฎธรรมชาติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และวันหนึ่งพ่อของเขาก็ต้องจากไป เขารีบกลับไปบ้านเกิดและจัดงานศพอย่างสมเกียรติให้พ่อ หลังจากงานศพ ก่อนที่ลูกชายจะกลับเข้าเมือง เขาได้บังเอิญค้นพบสมุดบัญชีธนาคารในบ้าน แต่เงินทั้งหมดไม่อยู่แล้ว

จางเล่อรู้สึกสับสนมากจึงวิ่งไปถามเพื่อนบ้านเกี่ยวกับเรื่องนี้ และได้ทราบว่าก่อนที่พ่อของเขาจะเสียชีวิต เขาได้มอบเงินทั้งหมดในบัญชีออมทรัพย์ให้กับหัวหน้าหมู่บ้าน หลังจากที่ได้ทราบเรื่องนี้ ลูกชายก็รู้สึกโกรธมาก คิดว่าเงินนั้นต้องถูกหัวหน้าหมู่บ้านหลอกไป หากไม่ใช่เช่นนั้น ทำไมพ่อของเขาถึงไม่บอกอะไรเขาเลย นอกจากนี้ ทำไมไม่มอบเงินเก็บให้กับลูกชายคนเดียวอย่างเขา ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล จึงวิ่งไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน

เมื่อเขาพบกับหัวหน้าหมู่บ้าน ก่อนที่จางเล่อจะพูดอะไร หัวหน้าหมู่บ้านก็ยื่นจดหมายให้เขา เมื่อเปิดจดหมาย เขาก็พบว่านั่นคือพินัยกรรมของพ่อเขา ในจดหมายได้กล่าวว่านายเจืองได้มอบเงินเก็บสะสมของเขาทั้งหมด 200,000 หยวน (ประมาณ 1 ล้านบาท) ให้กับหัวหน้าหมู่บ้าน เพื่อสร้างที่พักให้กับผู้สูงอายุในหมู่บ้าน

พินัยกรรมดังกล่าว มีข้อความที่เขียนถึงจางเล่อ ลูกชายคนเดียวของเขาว่า "ช่วงสุดท้ายของชีวิตพ่อมันยากมากโดยไม่มีลูกอยู่ข้างๆ พ่อและเพื่อนคนอื่นๆ รู้สึกเหงามาก คนหนุ่มสาวทุกวันนี้ต่างยุ่ง พ่อรู้ว่าไม่สามารถเปลี่ยนความจริงนี้ได้ ดังนั้นพ่อจึงอยากช่วยเหลือผู้สูงอายุคนอื่นๆ ที่มีลูกทำงานไกลบ้านเหมือนพ่อ หลังจากที่พ่อจากไป ขอให้ลูกใช้ชีวิตอย่างดี"

หลังจากอ่านจดหมาย จางเล่อก็รู้สึกหลากหลายอารมณ์ เมื่อนึกถึงพ่อที่จากไป เขารู้สึกเสียใจจริงๆ แต่ก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว พร้อมทิ้งข้อคิดว่า ทุกคนรู้ดีว่าหนุ่มสาวมีความฝันและแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ ต้องการหาเงินทองและความมั่นคงในชีวิต แต่ไม่ว่าคุณจะยุ่งแค่ไหน คุณก็ควรหาเวลาไปเยี่ยมพ่อแม่ผู้สูงอายุ เพราะวันหนึ่งพวกเขาอาจจะจากไปตลอดกาล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook