ชวน จวกกลุ่มปาไข่เน่าถูกมอบหมายมา

จวกกลุ่มปาไข่เน่าถูกมอบหมายมา เชื่อไม่ใช่ความต้องการของคนส่วนใหญ่ ระบุไม่อยากให้นำเหตุปาไข่มาเป็นประเด็นขัดแย้งระหว่างคนละจังหวัด ภายหลังนั่งรถแวนฝ่าด่านกลุ่มเสื้อแดงรักเชียงใหม่ 51กว่า 30 คนที่มายืนขว้างปาไข่เน่าเข้าใส่รถออกมาจากที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ประจำจังหวัดลำพูนมาได้ ต่อมาในเวลา 15.00 น.วันที่ 6 ม.ค.นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปปัตย์พร้อมลูกพรรคกว่า 10 คนได้ลงพื้นที่หาเสียงตามตลาดสดหลายแห่งในตัวเมืองลำพูน โดยนายชวน ได้เดินเท้านำทีมผู้สมัคร คือ นายขยัน วิพรหมชัย ผู้สมัคร ส.ส.ลำพูน หมายเลข 2 ไปแนะนำตัวผู้สมัครให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่หน้าตลาดหลายแห่ง เริ่มต้นที่ตึกแถวด้านหน้าห้างแจ่มฟ้าพลาซ่า ตามด้วยตลาดกลางการเกษตร กระทรวงมหาดไทย ซึ่งการหาเสียงพบชาวบ้านในครั้งนี้ส่วนใหญ่ชาวลำพูนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เข้ามาทักทายและขอถ่ายภาพร่วมกับนายชวนเป็นที่ระลึก แม้บางจุดที่เดินหาเสียงจะได้พบกับทีมงานของกลุ่มผู้สมัครหมายเลข 1 ซึ่งสังกัดพรรคเพื่อไทยและฝ่ายตรงข้ามมีการตะโกนโห่ร้องเข้าใส่บ้าง แต่นายชวนก็มีทีท่าที่นิ่งสงบ เดินหน้าหาเสียงช่วยลูกทีมต่อท่ามกลางตำรวจกว่า 30 นายที่เดินตามประกบเพื่ออารักขาและไม่ปรากฏว่ากลุ่มเสื้อแดงส่งคนเข้ามาก่อกวนหรือปะทะแต่อย่างใด นายชวน หลีกภัย กล่าวให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวระหว่างเดินหาเสียงในตัวเมืองลำพูนว่า การลงพื้นที่หาเสียงในจ.ลำปางและลำพูนในครั้งนี้พบว่ามีคนบางกลุ่มที่มีความไม่พอใจและนำไข่เน่ามาปาใส่ ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาและเป็นผลพวงของความไม่เข้าใจที่เกิดต่อเนื่องมาตั้งแต่ 5-6 ปีที่ผ่านมา แต่นายกรัฐมนตรีก็ได้ประกาศที่จะคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งดังกล่าวแล้ว สำหรับการกระทำของกลุ่มคนที่มาปาไข่ใส่ตนและรถนั้นมองว่าไม่ควรทำ สังเกตว่าผู้ที่กระทำรุนแรงนั้นได้ใช้ผ้าปิดหน้าปิดตาเขาคงรู้ว่าเป็นความรุนแรงและเป็นฝีมือของคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ของจังหวัดเป็นกลุ่มที่ได้รับมอบหมายให้มาทำ ก็ขอให้ประชาชนในพื้นที่ช่วยดูแลไม่ให้คนบางกลุ่มมาทำลายภาพพจน์ของจังหวัดเวลาไปที่จังหวัดอื่นก็จะทำให้เกิดความเคียดแค้นกันคนไทยขัดแย้งกันเองไม่ควรจะเกิด แต่หากจำเป็นก็เห็นด้วยที่จะต้องนำกฎหมายมาควบคุม และก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ก็ได้เตือนตนแล้วว่าไม่อยากให้ออกมาเสี่ยง แต่เรามีหน้าที่ต้องทำก็ต้องกล้าที่จะเผชิญกับความเป็นจริง นายชวน กล่าวอีกว่า สำหรับการช่วยหาเสียงในจ.ลำปางและลำพูนในช่วงโค้งสุดท้ายนี้ สองจังหวัดนี้เป็นสองจังหวัดที่เราอยากได้แต่ไม่เคยได้ เที่ยวนี้จะได้หรือๆไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้สมัครด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งปฏิกิริยาของคนส่วนน้อยที่มาทำระหว่างที่ตนลงพื้นที่ด้วยวิธีการเช่นนี้เชื่อว่าจะส่งผลที่ไม่ดีต่อผู้กระทำเองเพราะคนไม่เหก็นด้วยจะมากขึ้น อย่างไรก็ตามตนไม่อยากให้นำเรื่องเหล่านี้มาเป็นเหตุผลให้เกิดความขัดแย้งระหว่างคนจังหวัดหนึ่งกับอีกจังหวัด และขอเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องในแต่ละจังหวัดให้สามัคคีกัน