แม่ตะลึง เจอเด็กหน้าเหมือนลูกสาวเป๊ะ ใครเห็นก็นึกว่าแฝด อยากขอตรวจ DNA

คุณแม่ถึงกับตะลึง เห็นภาพเด็กบนอินเทอร์เน็ตหน้าตาเหมือนลูกสาวตัวเองเป๊ะ อยากขอตรวจ DNA ล่าสุด ครอบครัวเด็กคนนี้ออกมาชี้แจงแล้ว

เมื่อเร็ว ๆ นี้ เกิดเหตุการณ์ประหลาดและซับซ้อนในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่อคุณแม่แซ่หวังเกิดความสับสน จากการเห็นภาพของเด็กหญิงที่แชร์กันบนอินเทอร์เน็ต เด็กคนนี้หายตัวไปในสถานีรถไฟใต้ดินและกำลังมีการตามหา ซึ่งต่อมาเด็กหญิงคนนี้ก็ได้พบกับแม่ของเธอ

สิ่งที่น่าประหลาดใจคือเด็กหญิงคนนี้มีหน้าตาและท่าทางเหมือนกับลูกสาววัย 4 ขวบ ของคุณหวังอย่างมาก

ความบังเอิญนี้ทำให้คุณหวังเริ่มสงสัยว่าอาจมีความผิดพลาดเกิดขึ้นที่โรงพยาบาล ที่เธอเคยฝากไข่และตัวอ่อนแช่แข็งเพื่อทำเด็กหลอดแก้วและให้กำเนิดลูกสาว ความซับซ้อนยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อคนรอบข้าง รวมถึงเพื่อน ๆ ต่างสังเกตเห็นความเหมือนกันอย่างน่าประหลาดระหว่างเด็กทั้งสอง

ภาพถ่ายเปรียบเทียบเด็ก 2 คน ภาพซ้ายคือเด็กหญิงที่สถานีรถไฟใต้ดิน และภาพขวาคือลูกสาวคุณหวัง

คุณหวังจึงตัดสินใจโพสต์ภาพดังกล่าวบนโซเชียลมีเดีย โดยหวังว่าจะติดต่อกับครอบครัวของเด็กหญิงคนนั้นเพื่อขอตรวจ DNA แต่การกระทำนี้กลับสร้างความไม่สะดวก และความลำบากให้กับครอบครัวของเด็กหญิงคนดังกล่าว จนพวกเขาต้องออกมาชี้แจงบนโซเชียลมีเดีย

ครอบครัวของเด็กหญิงได้ยืนยันว่าลูกของพวกเขาเกิดตามธรรมชาติและปัจจุบันอายุเพียง 2 ขวบครึ่ง ไม่เกี่ยวข้องกับการทำเด็กหลอดแก้วหรือตัวอ่อนของผู้อื่น การหายตัวของเด็กหญิงเป็นเพียงเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ขณะไปเข้าห้องน้ำที่สถานีรถไฟใต้ดิน โชคดีที่ด้วยความช่วยเหลือจากผู้ใจดีและเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงพบตัวของเด็กหญิงในที่สุด

ด้าน ทนายจากสำนักงานกฎหมาย กล่าวว่า การตรวจ DNA ต้องได้รับความยินยอมจากบุคคลที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดที่สุด เขายังชี้ให้เห็นว่าเพียงแค่ความคล้ายคลึงกันทางรูปร่างหน้าตาไม่สามารถเป็นเหตุผลบังคับให้ขอตรวจ DNA ได้ หากคุณหวังต้องการพิสูจน์ข้อสงสัยของเธอ จำเป็นต้องแสดงหลักฐานว่าอีกฝ่ายหนึ่งเคยทำเด็กหลอดแก้วที่โรงพยาบาลเดียวกันหรือที่เกี่ยวข้อง

สุดท้าย ภายใต้แรงกดดันและคำขอจากตำรวจ คุณหวังได้ยอมลบโพสต์ที่เรียกร้องการตรวจ DNA ออกจากโซเชียลมีเดีย

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ยังคงสร้างความขัดแย้งและความกังวลเกี่ยวกับการปกป้องความปลอดภัยทางชีวภาพในยุคดิจิทัล บางคนถึงกับตั้งคำถามถึงกฎระเบียบปัจจุบันเกี่ยวกับการทำเด็กหลอดแก้ว และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในด้านนี้ พวกเขากังวลว่าในสังคมที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว การสูญเสียข้อมูลส่วนบุคคลอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์หลายประการ