รอดตายมาเล่า สาวป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย เผย 4 สัญญาณเตือน "อย่าพลาดแบบฉัน!"

รอดตายมาเล่า สาวป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย เผย 4 สัญญาณเตือน "อย่าพลาดแบบฉัน!"

รอดตายมาเล่า สาวป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย เผย 4 สัญญาณเตือน "อย่าพลาดแบบฉัน!"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รอดตายมาเล่า สาวป่วยมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย เผย 4 สัญญาณเตือน "อย่าพลาดแบบฉัน!" เพราะมองข้ามถึงเป็นหนัก

Ellie Wilcock ผู้รอดชีวิตจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 4 ได้แบ่งปันประสบการณ์และสัญญาณเตือนที่เธอเคยมีมาก่อนการวินิจฉัยโรค เพื่อเตือนให้ผู้อื่นใส่ใจกับสัญญาณเตือนของร่างกายและไม่มองข้ามเหมือนเธอ

เอลลี่ เล่าถึงอาการเริ่มแรก 4 อย่างที่เธอมี ได้แก่ อาการปวดท้องด้านซ้ายและเชิงกราน เหนื่อยล้า การเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการขับถ่าย และการลดน้ำหนัก อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนสำคัญที่บ่งบอกถึงความผิดปกติในร่างกาย แม้ว่าในตอนแรก เอลลี่ จะคิดว่าอาการเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่กลับกลายเป็นว่ามันเป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 4 ซึ่งลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆ

  • สัญญาณเตือนแรก คืออาการปวดที่ช่องท้องด้านซ้ายและเชิงกราน ซึ่งเธอคิดว่าเป็นผลมาจากการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะและการทำงานของไต เนื่องจากมันเกิดขึ้นเพียงข้างเดียว แต่ผลการทดสอบไม่พบสัญญาณของการติดเชื้อ และเธอต้องเข้ารับการตรวจอื่นๆ อีกมากมาย
  • สัญญาณเตือนที่สอง ความเหนื่อยล้าเป็นอาการที่ชัดเจนที่สุดที่เธอประสบ เธออธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในกิจวัตรของเธอ หลังเลิกงานเธอรู้สึกเหนื่อยมากและมักจะนอนหลับในตอนเย็น โดยไม่ต้องการทำกิจกรรมใดๆ ที่เธอเคยทำมาก่อน
  • สัญญาณเตือนที่สาม ซึ่งคือการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการขับถ่ายและมีเลือดปนในอุจจาระ แต่เธอรู้ตัวช้าเกินไป เธอย้ำว่า “นี่เป็นสิ่งที่ต้องเฝ้าระวัง ไม่อย่างนั้น ฉันคงจะพบมะเร็งของฉันได้เร็วกว่านี้ ไม่ใช่ตอนที่มันถึงระยะที่ 4 แล้ว”
  • สัญญาณเตือนที่สี่ น้ำหนักลดลงแบบไม่สามารถอธิบายได้ เธอกล่าวว่า "ฉันสูญเสียความอยากอาหารอยู่ตลอดเวลา ฉันไม่รู้ว่าฉันน้ำหนักลดลง แต่พอคิดย้อนกลับไป ฉันจำได้ว่ารู้สึกคลื่นไส้และไม่อยากกินมาก เพราะระบบลำไส้ของฉันมันไม่ปกติ"

เอลลี่ได้รับการวินิจฉัยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ในวันวาเลนไทน์ปี 2022 และต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่เพื่อตัดอวัยวะที่มีการแพร่กระจายของมะเร็งออก “มะเร็งของฉันลุกลามจากลำไส้ใหญ่ไปยังรังไข่ มดลูก ท่อนำไข่ เยื่อบุช่องท้อง และตับ” แม้ว่าจะส่งผลให้เธอไม่สามารถมีลูกได้ แต่เธอก็รู้สึกขอบคุณที่การผ่าตัดครั้งนี้ช่วยชีวิตเธอไว้ 

กรณีของเอลลี่ เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการใส่ใจกับสัญญาณเตือนของร่างกายและการรับรู้ถึงความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ แม้ว่าสาเหตุของมะเร็งชนิดนี้อาจไม่สามารถระบุได้ชัดเจน แต่ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี สูบบุหรี่ หรือมีน้ำหนักเกิน ควรให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพและการสังเกตสัญญาณเตือนของโรค

การตรวจพบมะเร็งลำไส้แต่เนิ่นๆ จะเพิ่มโอกาสในการรักษาและรอดชีวิต ดังนั้น ควรใส่ใจต่อสัญญาณผิดปกติของร่างกายและเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันและรับมือกับโรคร้ายนี้ได้ทันเวลา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook