อุ๊ย! ป.ป.ช.ชี้มูล "พ.ต.อ.หญิง" ร่ำรวยผิดปกติ เคยเป็นถึงรองผู้การ หน่วยปราบยาเสพติด

อุ๊ย! ป.ป.ช.ชี้มูล "พ.ต.อ.หญิง" ร่ำรวยผิดปกติ เคยเป็นถึงรองผู้การ หน่วยปราบยาเสพติด

อุ๊ย! ป.ป.ช.ชี้มูล "พ.ต.อ.หญิง" ร่ำรวยผิดปกติ เคยเป็นถึงรองผู้การ หน่วยปราบยาเสพติด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีร่ำรวยผิดปกติ กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวน

กรณีกล่าวหา พ.ต.อ.หญิง เพชราภรณ์ (ขอสงวนนามสกุล) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้บังคับการ กองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร่ำรวยผิดปกติ

ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ในปี 2558-2560 พ.ต.อ.หญิง เพชราภรณ์ มีรายการฝากเงินสดเข้าบัญชีเงินฝากหลายรายการ โดยพ.ต.อ.หญิง เพชราภรณ์ ชี้แจงว่าได้นำทองคำที่ซื้อสะสมมาตั้งแต่ปี 2538-2548 น้ำหนักทองรวม 120 บาทเศษ ทยอยขายในระหว่างปี 2554-2555

แล้วนำเงินที่ได้ไปชำระค่าที่ดิน ต.สันผักหวาน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ 2 แปลง รวมเป็นเงิน 2,200,000 บาท และชำระหนี้กับธนาคาร 3 งวด รวมเป็นเงิน 713,200 บาท แต่จากการตรวจสอบรายได้ของ พ.ต.อ.หญิง เพชราภรณ์ ช่วงระหว่างปี 2538-2548 มีรายได้ไม่เพียงพอที่จะซื้อทองคําสะสมได้

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้ พ.ต.อ.หญิง เพชราภรณ์ ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ รวมมูลค่า 2,913,200 บาท

จึงให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน

และให้ส่งคำวินิจฉัย พร้อมด้วยข้อเท็จจริงโดยสรุป ไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อสั่งลงโทษไล่ออกภายในหกสิบวัน โดยให้ถือว่ากระทำการทุจริตต่อหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 122 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม

หากไม่สามารถบังคับเอาแก่ทรัพย์สินที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแล้ว ให้ขอให้ศาลบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในระยะเวลาสิบปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 125

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook