บัญญัติ ยืนยัน ปชป.ไม่เคยรับเงิน ประชัย
บัญญัติ ยืนยัน ปชป. ไม่เคยรับเงิน ประชัย ทำป้ายหาเสียงเชื่อมโยงกัน พร้อมสู้ทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง เหน็บ กกต.จ้องจองเวรตั้งอนุฯ รอบสองสอบปม 258 ล้านบาท เตรียมหารือ ชวน ดึงทีมกฎหมายเดิมช่วยคดียุบพรรค
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหัวหน้าทีมกฎหมายคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ เรียกประชุมทีมกฎหมายเพื่อพิจารณาคดีที่ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวหาใช้เงินสนับสนุนพรรคเมืองของ กกต.ผิดวัตถุประสงค์ 29 ล้านบาท เมื่อเวลา 16.00 น. นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค อดีตหัวหน้าพรรคในขณะนั้น ได้เข้าชี้แจงถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ นายชวนได้แจกพระที่ได้จาก จ.นครปฐม ให้กับทีมกฎหมายด้วย โดยระบุว่าเพื่อเป็นกำลังใจ
นายบัญญัติ ให้สัมภาษณ์ว่า การเข้าชี้แจงครั้งนี้เป็นการทบทวนความหลังเรื่องเก่า เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ตนเป็นหัวหน้าพรรค ตนเคยบอกว่าการที่ฝ่ายค้านนำเรื่องนี้ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะนายอภิสิทธิ์ไม่เกี่ยว ควรจะอภิปรายไม่ไว้วางใจตนมากกว่า ขอยืนยันว่าพรรคไม่เคยได้รับเงินช่วยเหลือจากนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้บริหารบริษัท ทีพีไอ ดังนั้น การที่บอกว่ามีการทำนิติกรรมอำพราง คงเป็นเรื่องที่สับสน เพราะไปยึดเอากฎหมายพรรคการเมืองฉบับหลังที่กำหนดให้นิติบุคคลบริจาคให้พรรค การเมืองได้ไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยลืมนึกไปว่าตอนที่ตนเป็นหัวหน้าพรรค ในกฎหมายพรรคการเมืองเก่าบอกว่าจะบริจาคเท่าไรก็ได้ ไม่มีข้อจำกัด ดังนั้น เมื่อกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ หากบริจาคจริงก็ไม่มีเหตุที่ต้องทำนิติกรรมอำพราง และก็ไม่ได้บริจาคเงินเข้าพรรคประชาธิปัตย์
"ก่อนหน้านี้ เมื่อ กกต.ยื่นเรื่องให้อัยการสูงสุด (อสส.) ส่งฟ้อง ทาง อสส.ก็บอกว่าพยานหลักฐานไม่แน่ชัด จึงย้อนเรื่องกลับไปดูกันใหม่ โดยการตั้งกรรมการร่วม แต่ที่สุดแล้วก็ยื่นฟ้อง ซึ่งก็ไม่มีปัญหา ต้องสู้คดีกันไป ซึ่งผมจะหารือกับนายชวน ว่าการต่อสู้คดีควรจะใช้ทีมกฎหมายเดิม แต่ต้องเสริมคนเพิ่มเท่านั้น ทั้งนี้ เมื่อคดีขึ้นศาลจะไปบอกว่ามั่นใจในพยานหลักฐานร้อยเปอร์เซ็นต์คงไม่ได้ เพราะจะถูกหาว่าตั้งอยู่ในความประมาท แต่ในฐานะที่เรารู้และมั่นใจว่าไม่ทำผิด มั่นใจในความยุติธรรมของศาล ก็เท่านั้น แต่ก็ต้องสู้คดี" นายบัญญัติ กล่าว
ต่อข้อถามว่า เรื่องที่ละเอียดอ่อนที่ต้องมาทบทวนอีกครั้งคืออะไร นายบัญญัติ กล่าวว่า เป็นเรื่องข้อเท็จจริง เพราะเมื่อมีการตั้งประเด็นว่าสองคดีคาบเกี่ยวกัน ซึ่งในเรื่องการรับเงินอุดหนุนจาก กกต.มาทำป้ายหาเสียง แต่ไม่ทำ เพราะไปเอาเงินนายประชัยมาทำ และทำเป็นนิติกรรมอำพราง เราก็ต้องสู้ว่าไม่เคยได้รับเงินอุดหนุนจากนายประชัย และหากรับก็ไม่จำเป็นต้องทำนิติกรรมอำพราง ที่สำคัญไม่แน่ใจว่า กกต.จะลืมไปหรือไม่ว่า ในการเลือกตั้งมีกฎหมายเลือกตั้งบังคับไว้ว่าพรรคต้องเปิดบัญชีเพื่อการ เลือกตั้ง ซึ่งเงินอุดหนุนของ กกต. 29 ล้านบาท ก็ต้องมาใส่ในบัญชีนี้ เมื่อทำป้ายเสร็จ ก็ใช้เงินในบัญชีนั้นสั่งจ่ายเช็คให้กับผู้ทำป้าย แล้วจะไปบอกว่าเอาเงินของนายประชัย หรือเงินจากบัญชีอื่นมาทำได้อย่างไร ส่วนคนทำป้ายจะนำเงินไปใช้หนี้ หรือทำอะไร ไม่เกี่ยวกับพรรค ภาระของเราคือต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้เห็นว่าเราทำป้ายจริง มีป้ายหาเสียงจริง ส่วนที่กล่าวหาว่ามีการโอนเงิน 258 ล้านบาท เข้าบัญชีผู้ใกล้ชิดกับกรรมการบริหารพรรคนั้น ขอชี้แจงว่าเป็นเรื่องของบริษัทที่รับจ้างนายประชัย พรรคไม่เกี่ยว
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาอนุ กกต.ที่สอบเรื่องเงินบริจาค 258 ล้านบาท เคยเรียกไปชี้แจงหรือไม่ นายบัญญัติ กล่าวว่า หลังจากที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยยื่นคำร้องต่อ กกต.ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นการเดินตามประวัติศาสตร์เก่าที่เคยยื่นให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์มา แล้ว แต่ศาลเข้าใจ จึงไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ก็คงจองเวรกันต่อ แต่ก็เป็นธรรมดา อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการยื่นให้ยุบพรรค กกต.ก็ตั้งอนุกรรมการขึ้นมา ซึ่งตนและทีมกรรมการบริหารพรรคได้เข้าชี้แจงไปแล้ว จนที่สุดเสียงส่วนใหญ่ของอนุ กกต.เห็นว่าไม่ผิด มีเพียงอนุ กกต. 2 คนเห็นว่าน่าจะมีปัญหา แต่ก็ต้องเห็นตามเสียงส่วนใหญ่ จนเรื่องยุติไปแล้ว แต่จากนั้นอาจมีการร้องกันใหม่และตั้งอนุ กกต.ขึ้นมาอีก ถือว่าตั้งอนุ กกต.ขึ้นมาสองครั้งสองหน เพื่อสอบในเรื่องเดียวกัน ก็ทำให้รู้สึกว่าพยานหลักฐานอาจไม่พอฟังหรืออย่างไร แต่ก็เห็นใจ เพราะในช่วงนั้นมีสงครามนอกรูปแบบกดดันองค์กรอิสระอยู่