โครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่เสร็จ เม.ย.2554
คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ระบุโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่เสร็จเดือนเมษายน 2554 ส่วนค่าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติ ยืนยันไม่ให้เก็บเพิ่ม แม้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ต้องลงทุนใหม่เพิ่มเติมอีก 39,600 ล้านบาท
นางพัลลภา เรืองรอง กกพ. เปิดเผยว่า การศึกษาการปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้ารอบใหม่ จะเสร็จสิ้นภายในเดือนเมษายน 2554 โดยโครงสร้างใหม่จะเรียกว่า WPPM (Wholesale Power Purchase Mechanism) มีความโปร่งใสเป็นธรรม การสั่งผลิตไฟฟ้าจะมีการแยกตามกิจการ เช่น การผลิตโดยโรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.),ไอพีพี, เอสพีพี, วีเอสพีพี ซึ่งจะคำนึงถึงประสิทธิภาพการผลิตต้นทุนที่ชัดเจน ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับการประกันรายได้เหมือนกับโครสร้างค่าไฟฟ้าปัจจุบัน ที่จะมีการรับประกันผลตอบแทนการดำเนินการของ 3 การไฟฟ้า โดยโครงสร้างใหม่นั้น ศึกษาโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และที่ปรึกษาต่างประเทศ
ส่วนค่าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบให้ บมจ. ปตท.ลงทุนก่อสร้างเพิ่มเติมไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือรวม 39,600 ล้านบาท ในส่วนนี้ กกพ. เห็นว่าจะยังไม่นำมาคำนวณเพิ่มในส่วนค่าผ่านท่ออัตราปัจจุบัน ที่ 21 บาทต่อล้านบีทียูแต่อย่างใด โดยจะนำไปคำนวณในรอบใหม่ 5 ปีข้างหน้า เพราะเห็นว่าเป็นอัตราที่ยังไม่สูงมากนัก และโครงสร้างค่าผ่านท่อปัจจุบัน ได้มีการคำนวณรวมในส่วนของโครงการท่อก๊าซฯ เส้นที่ 4 ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างไว้แล้ว โดยปรับเพิ่มจากอัตรา 19 บาท เป็น 21 บาทต่อล้านบีทียู อย่างไรก็ตาม ผลของการขยายท่อก๊าซดังกล่าว ทำให้ ปตท.ต้องลงทุนเพิ่มจาก 165,000 ล้านบาท เป็น 199,000 ล้านบาท
ด้านนายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการ กกพ. กล่าวว่า การที่รัฐบาลตรึงค่าไฟฟ้าอัตโนมัติผันแปร (เอฟที)ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของ กฟผ. เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทและต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก โดยคาดว่า จะทำให้ กฟผ. เหลือเงินที่จะต้องรับภาระจากการตรึงค่าเอฟที ประมาณ 5,900 ล้านบาท จากก่อนการตรึงค่าเอฟที รับภาระอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท และคาดว่า ในเดือนสิงหาคม การรับภาระจะลดลงมาอยู่ที่ 9,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) เปิดตัวโครงการการเรียนการสอนทางไกลผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้โครงการ การส่งเสริมการเรียนรู้ด้านพลังงานผ่านระบบ E-learning เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ด้านพลังงานและเพื่อสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประกอบกิจการพลังงาน โดยคาดว่าในปี 2554 จะมีผู้ลงทะเบียนเรียนถึง 10,000 คน