พ่อทำอะไรผิด… ลูกคนเดียวชวดมรดก ผู้เฒ่ายกให้ "หลาน" รู้ปมช้ำใจ ไม่มีใครกล้าค้าน

พ่อทำอะไรผิด… ลูกคนเดียวชวดมรดก ผู้เฒ่ายกให้ "หลาน" รู้ปมช้ำใจ ไม่มีใครกล้าค้าน

พ่อทำอะไรผิด… ลูกคนเดียวชวดมรดก ผู้เฒ่ายกให้ "หลาน"  รู้ปมช้ำใจ ไม่มีใครกล้าค้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บีบหัวใจ ผู้เฒ่าเขียนมรดก เมินลูกชายคนเดียว ยกทั้งหมดให้ "หลาน" เล่าชีวิตผ่านอะไรมาบ้าง

เรื่องราวของ “นายบัง” (นามสมมุติ) อาศัยในพื้นที่ชนบทที่อยู่ห่างจากเมืองหลิ่วโจว มณฑลกวางสี ประเทศจีน ประมาณ 50 กม. ครอบครัวของเขาหาเลี้ยงชีพในฐานะคนงานมา 3 รุ่นแล้ว แม้จะไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่พวกเขายังมีเพียงพอที่จะมอบอาหารให้กับลูกหลานในอนาคต

ภรรยานายบังเสียชีวิตเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ด้วยอาการเลือดออกในสมอง การจากไปของเธอทำให้ชายชรานอนไม่หลับและไม่ค่อยกินอาหารเป็นเวลานาน ก่อนหน้านี้นายบังเคยทำงานในบริษัทปุ๋ย ดังนั้นเมื่อเขาเกษียณจึงได้รับเงิน 2,000 หยวน (ประมาณ1 หมื่นบาท) เป็นค่าใช้จ่ายรายเดือน

นายบังและภรรยามีลูกชายอายุ 37 ปี ชื่อ “นายห่าว” (นามสมมุติ) หลังจากภรรยาของเขาเสียชีวิตก็เหลือคนอยู่ในบ้านเพียง2 คนเท่านั้น แต่บุคลิกของทั้งคู่กลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง มักจะทะเลาะกันทุกครั้งที่พบกัน เมื่อ 15 ปีที่แล้วลูกชายจึงย้ายไปที่กวางตุ้งเพื่อหางาน จากนั้นก็แต่งงานกับหญิงสาวและอาศัยอยู่ที่นั่น ตั้งแต่ออกจากบ้านก็แทบไม่ได้กลับมาเยี่ยมพ่อเลย จะกลับบ้านเพียงปีละครั้งในช่วงตรุษจีน และทุกครั้งก็เพียงแค่แวะมาจุดธูปให้แม่แล้วออกเดินทางทันที

นายบังยังมีหลานชายชื่อ “นายคิม” (นามสมมุติ) ซึ่งอาศัยอยู่ไม่ไกลจากบ้าน  ปัจจุบันหลานชายคนนี้เปิดบริษัทปุ๋ยเล็กๆ ในจังหวัด และมักจะมาเยี่ยมเยียนทุกครั้งที่มีโอกาส เมื่อ 2 ปีที่แล้วเมื่อรู้ว่านายบังอยู่คนเดียวจึงชวนมาอยู่ด้วยหลายครั้ง เพราะพ่อแม่ของเขาเสียชีวิตเร็ว จึงไม่ได้รู้สึกถึงความอบอุ่นของครอบครัวมานานแล้ว

หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว นายบังก็ตกลงที่จะอาศัยอยู่กับหลานชายและหลานสะใภ้ ซึ่งที่นี้เขารู้สึกสบายใจเป็นอย่างยิ่ง และรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่ง เพราะทั้งคู่ปฏิบัติต่อเขาเหมือนบิดาผู้ให้กำเนิด เขาจึงวางแผนที่จะช่วยหลานชายและภรรยาดูแลลูกๆ ในอนาคต เพื่อให้พวกเขามีเวลาทำงานและดูแลตัวเองได้

กระทั่งเมื่อปลายปีที่แล้ว นายบังได้รับแจ้งจากรัฐบาลให้รับเงิน 600,000 หยวน (ประมาณ 2.8 ล้านบาท) เป็นค่าชดเชยสำหรับการเคลียร์สถานที่เพื่อขยายโบราณสถานใกล้บ้านของเขา เมื่อได้รับข่าวนี้เขาก็ดีใจมาก รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลูกชาย และขอให้หาเวลากลับบ้านมาเยี่ยมเขาสักวันหนึ่ง แต่อีกฝ่ายแสดงท่าทีเฉยเมยราวและไม่รับปาก

ในวันต่อมา นายบังยังคงโทรหาลูกชายเพียงคนเดียวของเขา อย่างไรก็ดี แม้จะบอกว่าเขาป่วยและต้องการคนดูแล แต่กลับได้รับคำถามสั้นๆ เพียงสองสามข้อ เมื่อตระหนักถึงความเย็นชาของลูกชาย จึงผิดหวังและเสียใจอย่างยิ่ง

สุดท้ายนายบังจึงวางแผนจะไปที่คณะกรรมการชุมชนเพียงลำพังเพื่อรับเงิน แต่นายคำกังวลว่าถ้าเดินทางไปไกลขนาดนี้ด้วยตนเองจะเป็นอันตราย จึงตัดสินใจหยุดงานเพื่อขับรถไปส่งนายบังที่นั่น ระหว่างทางยังได้พูดคุยกันหลายเรื่อง แต่เมื่อเขาเอ่ยถึงเงินชดเชย หลานชายก็เสนอเพียงว่า

''หลังจากได้รับเงินแล้ว ลุงเคยคิดจะซื้ออพาร์ทเมนต์เล็กๆ ข้างบ้านพี่ห่าวในกวางตุ้งเพื่อความสะดวกในการเดินทางหรือไม่? และลุงสามารถนำเงินที่เหลือใส่ไว้สมุดออมทรัพย์เพื่อใช้ในอนาคตได้ แม้จะอยู่ไกลสักหน่อย แต่ผมกับภรรยาก็ยังจะไปเยี่ยมลุงเป็นประจำทุกวันหยุดเทศกาล”

เมื่อได้ยินประโยคนี้จากหลานชาย นายบังก็รู้สึกเจ็บปวดในใจ แต่ก็รู้สึกสบายใจเช่นกัน ชายชราคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบหลานชายว่า "ลุงยังไม่มีแผนใดๆ หลานสองคนดีกับลุงมาก ลุงไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรถึงจะพอ"

หลังจากได้รับค่าชดเชยที่ดินแล้ว นายบังก็นำเงินทั้งหมดเข้าบัญชีธนาคาร และ 3 เดือนต่อมา จึงตัดสินใจเขียนพินัยกรรมเพื่อมอบเงินทั้งหมด 600,000 หยวน ให้กับครอบครัวหลานชายของเขา โดยไม่ลืมที่จะพูดว่า "ลุงจะอายุยืนยาว ดังนั้น ลุงถือว่าคืนเงินจำนวนนี้ให้กับหลาน การได้อยู่กับหลานสองคนทำให้ลุงรู้สึกมีความสุขมาก และไม่เหงาอีกต่อไป หวังว่าเราจะผ่านความยากลำบากไปด้วยกันในอนาคต''

แม้ว่าเขาจะเสียใจกับความเย็นชาของลูกชายคนเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกขอบคุณเสมอที่มีหลานชายที่ใจดีและเอาใจใส่ ในปีแรกๆ ที่อยู่ห่างจากลูกชาย เขาได้แต่สงสัยซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าเขาได้ทำสิ่งใดผิด ถึงทำให้ลูกชายไม่มีความสุขหรือไม่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ เขาก็ไม่สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป แต่พยายามมีสุขภาพที่ดี อยู่ดีมีสุข และชื่นชมสิ่งดีๆ ที่อยู่เคียงข้างเขา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook