เปิด 6 วิธีล้างจานที่เป็น "ภัยเงียบ" ก่อเชื้อโรคทำร้ายทั้งครอบครัว หลายบ้านยังทำผิดๆ

เปิด 6 วิธีล้างจานที่เป็น "ภัยเงียบ" ก่อเชื้อโรคทำร้ายทั้งครอบครัว หลายบ้านยังทำผิดๆ

เปิด 6 วิธีล้างจานที่เป็น "ภัยเงียบ" ก่อเชื้อโรคทำร้ายทั้งครอบครัว หลายบ้านยังทำผิดๆ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เปิด 6 วิธีล้างจานที่เป็น "ภัยเงียบ" ก่อเชื้อโรคจนป่วยทั้งครอบครัว หลายบ้านยังทำผิดๆ

การล้างจานเป็นงานที่ทุกครอบครัวต้องทำเป็นประจำ หากจานที่บ้านล้างไม่สะอาดหรือไม่ได้ล้างอย่างถูกวิธี จะสร้างเงื่อนไขให้แบคทีเรียเกาะติดจานหรืออาหารและทำลายสุขภาพ ต่อไปนี้คือ 6 นิสัยการล้างจานที่ดูเหมือนไม่มีอันตราย แต่จริง ๆ แล้วสามารถกลายเป็นภัยเงียบ ทำร้ายคนในบ้านได้

  1. การใช้ชามและตะเกียบร่วมกับผู้ป่วย

หากมีคนในครอบครัวป่วย โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคติดต่อ ควรใช้ชุดอาหารแยกต่างหากและไม่ควรใช้ร่วมกับคนอื่น ๆ และหลังมื้ออาหาร อย่าลืมล้างจานชุดนี้แยกต่างหาก แม้ว่าจะต้องใช้ความพยายามเล็กน้อย แต่จะช่วยหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายของโรค

  1. การแช่จานทิ้งไว้นานเกินไป

หลังจากมื้ออาหาร หลายครอบครัวมีนิสัยปล่อยจานทิ้งไว้ในอ่างล้างจานแทนที่จะล้างทันที บางคนถึงกับแช่ทิ้งไว้ครึ่งวัน หรือรอจนถึงวันถัดไปจึงล้าง

เมื่อจาน ช้อนและส้อมแช่อยู่ในอ่างล้างจาน ในช่วง 1-4 ชั่วโมงแรก แบคทีเรียจะปรับตัวและขยายพันธุ์อย่างช้า ๆ จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ยิ่งแช่ไว้นานเท่าไหร่ จำนวนแบคทีเรียก็จะเพิ่มขึ้นมากขึ้นเท่านั้น น้ำที่เหลืออยู่ในอ่างอาจกลายเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อรา ซึ่งจะทำให้จานสกปรกและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

แม้ว่าคุณจะล้างจานอย่างระมัดระวัง แต่ก็ยังคงมีแบคทีเรียเหลืออยู่บ้างบนจานเหล่านี้ นอกจากนี้ หากจานเหล่านั้นทำจากโลหะหรือมีชิ้นส่วนที่เป็นโลหะ การแช่ในน้ำเป็นเวลานานเกินไปจะทำให้เกิดสนิมหรือความเสียหาย สำหรับจานไม้ การแช่นานจะทำให้ไม้แตกหรือเป็นเชื้อรา น้ำสกปรกและเศษอาหารยังดึงดูดแมลงต่าง ๆ เช่น แมลงวันและแมลงสาบ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาด้านสุขอนามัยหลายประการ

ดังนั้น ควรล้างจานทันทีหลังใช้งานหรือแช่ไว้ในระยะเวลาสั้น ๆ แล้วล้างเพื่อให้มั่นใจในความสะอาดและความปลอดภัยทางสุขภาพ

  1. การใช้ผลิตภัณฑ์ล้างจานไม่ถูกวิธี

หลายคนมีนิสัยเทน้ำยาล้างจานลงบนจานหรือฟองน้ำโดยตรง เพราะคิดว่าสะดวกและรวดเร็วกว่า อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ล้างจานมากเกินไป ซึ่งไม่เพียงแต่สิ้นเปลือง แต่ยังอาจทำให้เกิดสารตกค้างบนจาน ทำให้ล้างออกยาก

นอกจากนี้ เพื่อประหยัดเงิน บางคนเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างจานที่ราคาถูกและคุณภาพต่ำ ซึ่งมักมีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดต่ำและมีส่วนผสมที่เป็นอันตราย ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ

เพื่อใช้ผลิตภัณฑ์ล้างจานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ให้ผสมน้ำยาล้างจานกับน้ำอุ่นก่อนแล้วใช้ฟองน้ำทำความสะอาดอุปกรณ์ ในการล้างน้ำยาล้างจานออกได้ดีขึ้นและฆ่าเชื้อได้ดีขึ้น คุณสามารถล้างด้วยน้ำร้อนเพื่อความสบายใจมากขึ้น

  1. การใช้ฟองน้ำล้างจานจนยับเยิน

ฟองน้ำล้างจานและผ้าเช็ดจานเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียที่ดี เมื่อใช้ล้างจาน แบคทีเรียที่อยู่บนฟองน้ำอาจกระจายไปยังจานและเข้าสู่ร่างกายของเรา ฟองน้ำล้างจานที่ทิ้งไว้นานและเก่าเต็มไปด้วยแบคทีเรียที่เป็นอันตราย

เพื่อปกป้องสุขภาพของครอบครัว คุณควรพยายามฆ่าเชื้อผ้าเช็ดจานและฟองน้ำล้างจานด้วยน้ำเดือดทุกวัน แช่ไว้ 10 นาทีเพื่อฆ่าเชื้อ อีกทั้งควรเปลี่ยนฟองน้ำทุก ๆ 2-3 เดือน อย่าใช้จนกว่าจะสึกหรอแล้วค่อยทิ้ง

  1. การทำให้แห้งไม่ถูกวิธี

หลายคนมีนิสัยเช็ดจานด้วยผ้าหลังล้าง แต่ในความเป็นจริงการทำเช่นนี้สามารถสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรียมากขึ้น ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

วิธีที่ถูกต้องคือวางจานที่ล้างแล้วไว้ในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศดีเพื่อให้แห้งเอง คุณสามารถใช้ชั้นวางจาน พลิกชามคว่ำ หรือวางจานตั้งตรง ซึ่งจะช่วยให้น้ำระเหยได้เร็วขึ้น อย่าลืมทำความสะอาดอ่างล้างจานและเคาน์เตอร์รอบ ๆ หลังจากล้างจาน เพราะถ้ามีน้ำที่เหลืออยู่บนอ่างล้างจานและเคาน์เตอร์ก็จะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แบคทีเรียได้ง่าย

  1. ไม่ฆ่าเชื้อจานและตะเกียบเป็นเวลานาน

หลังจากล้างจาน หลายคนจะวางจานไว้บนชั้นวางหรือในตู้ทันที แท้จริงแล้วการฆ่าเชื้อก็เป็นส่วนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม หากคุณมีเครื่องฆ่าเชื้อที่บ้าน วิธีที่สะดวกที่สุดคือใส่จานที่ล้างแล้วในเครื่องเพื่อฆ่าเชื้อ หากคุณไม่มีเครื่องฆ่าเชื้อ คุณสามารถใช้วิธีอื่น ๆ เช่น การต้มน้ำและแช่จานประมาณ 10 นาที หรือใช้รังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดดในการฆ่าเชื้อแบบธรรมชาติก็เป็นวิธีที่ดีเช่นกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook