ลูกสะใภ้หลงดีใจ แม่สามีให้เงิน 25 ล้านซื้อบ้าน ฟังเงื่อนไข 1 ข้อ รีบปฏิเสธทันที

ลูกสะใภ้หลงดีใจ แม่สามีให้เงิน 25 ล้านซื้อบ้าน ฟังเงื่อนไข 1 ข้อ รีบปฏิเสธทันที

ลูกสะใภ้หลงดีใจ แม่สามีให้เงิน 25 ล้านซื้อบ้าน ฟังเงื่อนไข 1 ข้อ รีบปฏิเสธทันที
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ลูกสะใภ้หลงดีใจ แม่สามีให้เงิน 25 ล้านบาท เพื่อซื้อบ้าน แต่พอได้ฟังเงื่อนไขที่อีกฝ่ายตั้งไว้ รีบปฏิเสธแทบไม่ทัน

เว็บไซต์ SOHA รายงานเรื่องราวของหญิงสาวชาวเวียดนามรายหนึ่ง ซึ่งออกมาระบายถึงชีวิตครอบครัว โดยเธอบอกว่า แต่งงานมาได้ 3 ปีแล้ว แต่แม่สามีก็ยังเข้มงวดกับเธออยู่เสมอ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนมีการศึกษา มีงานที่ดี และมาจากครอบครัวที่ดี แต่ทุกอย่างก็ยังเป็นศูนย์ในสายตาของแม่สามี ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่เคยทำให้ท่านพอใจได้เลย

"แรกๆ ฉันก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะเราเข้ากันไม่ได้ ฉันพยายามอย่างหนักทุกวันเพื่อหวังว่าแม่สามีจะยอมรับ แต่เปล่าเลย ฉันไม่เคยได้รับความไว้วางใจหรือความรักจากท่านเลย"

หลังจากแต่งงานมา 3 ปี เธอเริ่มคิดว่าการอยู่กับพ่อแม่สามีตลอดไปคงไม่ดีแน่ เธอจะรู้สึกสบายใจและเป็นอิสระก็ต่อเมื่อได้ย้ายออกมาอยู่เอง ไม่อย่างนั้นก็ต้องมานั่งกังวลกลัวจะมีปัญหากับแม่สามี และกลัวว่าท่านจะไม่พอใจ

แต่ถึงอย่างนั้น เธอและสามีเพิ่งทำงานได้ไม่กี่ปี เงินเก็บยังมีไม่มาก แต่การซื้อบ้านต้องใช้เงินจำนวนมาก เธอจึงปรึกษากับสามีว่าถ้าเงินไม่พอเราจะกู้ธนาคาร แล้วค่อยผ่อนคืนทีหลัง

แต่เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน แม่สามีบอกว่าจะให้เงินเรา 1 พันล้านดอง (ประมาณ 25 ล้านบาท) เพื่อซื้อบ้าน เธอดีใจมากเมื่อได้ยินแบบนั้น คิดว่าไม่ว่าอย่างไร เราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ถึงแม่สามีจะไม่ชอบเธอ แต่ท่านก็คงไม่อยากให้ลูกชายลูกสะใภ้ต้องลำบากไปกู้เงินมาจ่ายดอกเบี้ย

เธอและสามีก็รีบไปดูบ้านทันที หลังจากใช้เวลา 1 สัปดาห์ ก็เลือกบ้านที่ถูกใจได้ เธอดีใจมาก คิดถึงบ้านหลังใหม่แล้วก็ยิ้มทั้งวัน จนไม่สามารถหุบยิ้มได้เลย

แต่ก่อนวันเซ็นสัญญาซื้อบ้าน แม่สามีกลับมาพบเราแล้วบอกเงื่อนไขว่าบ้านนี้จะให้สามีเธอเป็นคนเดียวที่มีชื่อในเอกสารกรรมสิทธิ์

เมื่อได้ยินอย่างนั้น สามีเธอรีบตอบตกลงทันที แต่เธอกลับรู้สึกไม่สบายใจ เธอถามแม่สามีว่าทำไมบ้านของสามีภรรยาถึงมีแค่ชื่อสามีคนเดียว มันไม่ยุติธรรมกับเธอ และเป็นการไม่ให้เกียรติเธอเลย ขณะที่กำลังพูดอยู่ สามีก็ตัดบทว่า "ใครจะมีชื่อก็เหมือนกันแหละ พี่มีชื่อไม่ได้หมายความว่าเธอจะอยู่ไม่ได้ใช่ไหม?"

แม่สามีก็พูดขึ้นมาว่า "แม่ก็มีส่วนร่วมออกเงินซื้อบ้านด้วย เพราะฉะนั้นใครจะมีชื่อก็ต้องตามที่แม่ต้องการ เงินออมของพวกเธอสองคน น่าจะเป็นส่วนของฮุง (ชื่อสามีฉัน) มากกว่า งั้นให้ฮุงมีชื่อเป็นเจ้าของบ้านก็ถูกต้องแล้ว ถ้าเธอไม่อยากให้ฮุงเป็นเจ้าของคนเดียว พวกเธอก็ต้องเขียนสัญญากู้เงิน และจ่ายดอกเบี้ยรายเดือนเหมือนกับกู้เงินจากธนาคาร ถือว่าแม่ให้ยืมเงินไปซื้อบ้านก่อน แต่หลังจากนั้นต้องคืน"

สามีเธอได้ยินดังนั้นก็หันมาด่าว่าเธอโง่ที่ยังไม่พอใจและเรียกร้องทั้ง ๆ ที่แม่ให้เงินแล้ว

แต่เธอรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม ทำไมเธอถึงไม่มีชื่อในโฉนดเลย? แบบนี้ก็แสดงว่าแม่ให้เงินสามีเธอ ไม่ใช่ให้เราทั้งคู่ ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นในอนาคต เธอจะโดนไล่ออกจากบ้านโดยไม่ได้อะไรติดตัวเลยหรือเปล่า?

เธอขอเลือกที่จะกู้เงินแล้วจ่ายหนี้ไปเรื่อย ๆ เพื่อซื้อบ้านด้วยเงินที่หามาได้เอง จะได้อยู่อย่างภูมิใจ ดีกว่าขอเงินแม่สามีแล้วต้องทนฟังว่าเป็นคนเกาะแม่สามีอยู่ ทั้ง ๆ ที่เธอก็มีเงินเก็บที่ใช้ไปด้วย ดังนั้นเธอจึงบอกแม่ไปตรง ๆ ว่าเราขอปฏิเสธเงินของแม่ และจะไปกู้เงินจากธนาคารและผ่อนจ่ายเป็นงวด ๆ แทน

แม่สามีอึ้งไปพูดไม่ออก ส่วนสามีก็โกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาตำหนิว่าเธอหยิ่ง ไม่ว่าใครจะมีชื่อก็เหมือนกัน เป็นสามีภรรยากันยังต้องแยกแยะอีกหรือ? เขายังบอกด้วยว่าเธอใจแคบและคิดเล็กคิดน้อยกับเขา

ใครกันแน่ที่คิดเล็กคิดน้อย? เธอรู้สึกอึดอัดมาก เหมือนถูกกีดกันออกจากครอบครัวของสามี และไม่รู้ว่าการแต่งงานนี้จะไปกันได้นานแค่ไหน?

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook