ลูกอาการคล้ายหวัด ชะล่าใจไม่ส่ง รพ. สุดท้ายช็อกจากพิษ หวิดตัดแขน-ขา รักษาชีวิต

ผปค.ฟังแล้วทรุด ชะล่าใจคิดว่าลูกเป็นหวัด สุดท้ายเด็ก 8 ขวบ เกือบถูกตัดแขน-ขา หมอเตือนอาการเบื้องต้น "แบคทีเรียกินคน" ปล่อยไว้ถึงชีวิตได้เลย

ในเดือนเมษายน 2567 เด็กหญิงวัย 8 ขวบในไถหนาน ประเทศจีน มีอาการเป็นหวัด มีไข้ ไอ และต่อมาเริ่มอาเจียนและท้องเสีย เดิมทีผู้ปกครองคิดว่าเป็นเพียงไข้หวัดกระเพาะ แต่ต่อมาพบว่าลูกสาวเหนื่อยมากและหายใจไม่ออกหลังจากไข้ลดลงเธอถึงกับบ่นว่า "หนูเจ็บไหล่" จึงรีบพาไปที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเฉิงตู

ดร.เซิน จิงเฟิ่น ผู้อำนวยการแผนกโรคติดเชื้อในเด็ก  โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเฉิงตู กล่าวว่า เด็กหญิงได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคปอดบวม ซึ่งมีอาการแทรกซ้อนจากภาวะถุงลมโป่งพองอย่างรุนแรง และจำเป็นต้องระบายน้ำออกจากท่ออก 12 ชั่วโมงต่อมา เธอยังมีอาการหายใจล้มเหลว กลุ่มอาการช็อคจากพิษ และภาวะไตวายเฉียบพลัน

ผลการทดสอบพบว่าเด็กหญิงรายนี้ติดเชื้อแบคทีเรียสเตร็ปโตคอสคัสชนิดเอ หรือชนิดรุกราน (Invasive Group A Streptococcus) ที่รู้จักกันในชื่อ "แบคทีเรียกินคน" ซึ่งได้พัฒนารอยจ้ำม่วงบนแขนขาอีกด้วย อย่างไรก็ดี หลังจากเข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยหนักเป็นเวลา 6 สัปดาห์  เด็กหญิงก็ฟื้นตัวได้อย่างราบรื่น กระทั่งในที่สุดก็หายดีและออกจากโรงพยาบาลได้

การรักษาครั้งนี้เป็นความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างทีมดูแลเด็กวิกฤต แผนกโรคติดเชื้อในเด็ก แผนกโรคไตในเด็ก แผนกศัลยกรรมทรวงอกในเด็ก และห้องปฏิบัติการ การพยาบาล การฟื้นฟูสมรรถภาพ และผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็ก ซึ่งหลังจากเด็กหญิงกลับบ้านแล้ว ทางทีมแพทย์ยังได้ติดตามอาการต่อไป แต่โชคดีที่เธอไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ตามมา

ดร.เซิน จิงเฟิ่น  อธิบายว่าอาการทางคลินิกที่พบบ่อยของการติดเชื้อสเตรปโตคอคคัสประเภท A ได้แก่ เจ็บคอ มีไข้ มีผื่น ผู้ป่วยบางรายจะมีอาการอาเจียนและไม่สบายท้องร่วมด้วย และเมื่อการติดเชื้อแพร่กระจายไปยังปอด อาจมีอาการไอได้

สิ่งสำคัญคือผู้ป่วยที่ติดเชื้อและมีอาการรุนแรง เมื่อหมดสติ โคม่า ความดันเลือดต่ำอย่างต่อเนื่อง ผิวหนังเปลี่ยนสีหรือเป็นจุดสีม่วง และหายใจลำบาก อาจเป็นอาการเริ่มแรกของโรคร้ายแรงจากสารเอ็กโซทอกซินที่ปล่อยออกมาจากกลุ่ม A streptococci สามารถรบกวนการทำงานของร่างกายตามปกติ นำไปสู่การติดเชื้อร้ายแรงและซับซ้อนจากกลุ่มอาการช็อคจากสารพิษ ทำให้เกิดความดันเลือดต่ำและทำลายอวัยวะ หากผู้ป่วยปล่อยไว้จนเกิดอาการช็อคจากพิษ อาการจะแย่ลงอย่างรวดเร็ว และอัตราการเสียชีวิตเกิน 50%

การรักษาหลักสำหรับการติดเชื้อสเตรปโตคอคคัสกลุ่ม A คือการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างทันท่วงที หากตรวจพบโรคและได้รับการรักษาเชิงรุก ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถฟื้นตัวได้ภายในไม่กี่วัน อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที หรืออาการแย่ลง อาจนำไปสู่โรคแทรกซ้อนร้ายแรง หรือแม้กระทั่งโรคแทรกซ้อนที่คุกคามถึงชีวิตได้