ด่วน! "บิ๊กต่อ" มีคำสั่งฟัน 8 คนสนิท "บิ๊กโจ๊ก" ให้ออกจากราชการ พร้อมสอบวินัยร้ายแรง

ด่วน! "บิ๊กต่อ" มีคำสั่งฟัน 8 คนสนิท "บิ๊กโจ๊ก" ให้ออกจากราชการ พร้อมสอบวินัยร้ายแรง

ด่วน! "บิ๊กต่อ" มีคำสั่งฟัน 8 คนสนิท "บิ๊กโจ๊ก" ให้ออกจากราชการ พร้อมสอบวินัยร้ายแรง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันที่ 2 ก.ย.67 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. มีหนังสือคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 436/2567 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ด้วยข้าราชการตำรวจดังต่อไปนี้

1.พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผบก.ศฝร.บช.น.

2.พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภ.4

3.พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผกก.ตม.จันทบุรี

4.พ.ต.อ.อาริศ คูประสิทธิ์รัตน์ ผกก.ตม.ฉะเชิงเทรา

5.พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รอง ผกก.ป.สภ.พระสมุทรเจดีย์ (ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 177 /2567 ลงวันที่ 18 เมษายน 2567)

6.พ.ต.ต.ชานนท์ อ่วมทร สวป.สภ.พระประแดง จว.สมุทรปราการ

7.ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว ผบ.หมู่ จร.โครงการพระราชดำริ 1 กก.6 บก.จร.(ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 178 /2567 ลงวันที่ 18 เมษายน 2567)

8.ส.ต.อ.อภิสิทธิ์ คนยงค์ ผบ.หมู่ ป. สภ.บางปะกง จว.ฉะเชิงเทรา มีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง

สืบเนื่องจาก พล.ต.ต.นำเกียรติ กับพวกรวม 8 นาย ถูกสืบสวนข้อเท็จจริง ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 93/2567 ลงวันที่ 15 ก.พ.67 โดยปรากฎฏศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อให้ดำเนินคดีกับบุคคล เครือข่าย หุ้นส่วน นายทุน เจ้าของเว็บไซต์และผู้ที่เกี่ยวข้องเว็บไซต์พนันออนไลน์ ซึ่งตรวจสอบพบการกระทำความผิด มีการเปิดบริการให้เล่นพนันออนไลน์ สล็อต บาคาร่า คาสิโนออนไลน์ เกมพนันออนไลน์อื่นๆ

จึงได้สืบสวนสอบสวนในข้อหาร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบาย ล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก เจ้าพนักงาน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน โดยพนักงานสอบสวนได้รับ

คำร้องทุกข์ไว้แล้วตามคดีอาญาที่ 468/2566 ของ สน.ทุ่งมหาเมฆ ต่อมาเมื่อวันที่ 22 ก.ย.66 ศาลอาญาได้มีคำสั่งอนุญาตให้ออกหมายจับผู้ต้องหาที่เป็นข้าราชการตำรวจทั้ง 8 นายดังกล่าว จากการตรวจสอบข้อมูลที่ตรวจยึดได้พบบันทึกสรุปยอดบันทึกว่า “จ่ายตำรวจ” พร้อมระบุ จำนวนเงินและข้อมูลของ น.ส.ธันยนันท์ สุจริตชินศรี หรือสุชานันท์ กุลวัฒนโยธิน หรือมินนี่ ผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน ออนไลน์

พบว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย โดยมีหลักฐานที่ พ.ต.อ.ภาคภูมิ ให้ น.ส.ธันยนันท์ โอนเงินค่าตำรวจ โดยวิธีการนำเงินสดไปฝากเข้าตู้รับฝากของธนาคารต่างๆ เพื่อปกปิดอำพรางการได้มา โดย พ.ต.อ.ภาคภูมิ ส่งเลขบัญชีธนาคารและภาพหน้าสมุดธนาคารไปยัง น.ส.ธันยนันท์ เพื่อให้ดำเนินการนำเงินสดไปฝากเข้าตู้เอทีเอ็ม เข้าบัญชีของ นายกิตติชัช ปภัสโรบล และ นายพุฒิพงษ์ พูนศรี

จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า เงินค่าตำรวจ ซึ่งเข้าไปในบัญชี นายกิตติชัช มีความสัมพันธ์เชื่อมโยง มีการทำธุรกรรมรับโอนเงินและโอนเงินเข้าไป ในบัญชีธนาคาร นายพุฒิพงษ์ พูนศรี, นายครรชิต สองสมาน, นายวราวุฒิ บางพระ, และ น.ส.พิมพิลาศ แก่นมั่น ซึ่งเป็นบัญชีที่ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ เป็นผู้ถือและใช้บัญชี และได้โอนเงินและรับโอนเงินผ่านบัญชีดังกล่าวไปยัง พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์, พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย, พ.ต.อ.อาริศ คูประสิทธิ์รัตน์, พ.ต.ต.ชานนท์ อ่วมทร, ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว และ ส.ต.อ.อภิสิทธิ์ คนยงค์

ซึ่งเป็นการโอนเงินและรับโอนเงินจากบัญชีธนาคาร (บัญชีม้า) ที่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดการพนันออนไลน์ และน่าเชื่อว่ามีพฤติการณ์เรียกรับเงินค่าตำรวจดังกล่าว เหตุเกิดในห้วงปี พ.ศ.2565 ถึงปี พ.ศ.2566 กรณีจึงมีมูลที่ควรกล่าวหาว่า พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ กับพวกรวม 8 นาย กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง อาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มาตรา 105 มาตรา 119 และมาตรา 179 ประกอบกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ. 2567 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อทำการสอบสวนผู้ถูกกล่าวหาในเรื่องดังกล่าว

ประกอบด้วยบุคคลดังต่อไปนี้ 1.พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย จเรตำรวจ เป็นประธานกรรมการ, 2.พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 เป็นกรรมการ, 3.พ.ต อ.รณชัย เมฆชัย รองผู้บังคับการกองตรวจราชการ 3 เป็นกรรมการ, 4.พ ต.อ.ธีรศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นกรรมการ, 5.พ.ต อ.ธรรมนิตย์ บุญเพ็ญ ผู้กำกับการฝ่ายสืบสวนและตรวจราชการ 1 กองตรวจราชการ 3 เป็นกรรมการและเลขานุการ, 6.พ.ต ท.วรปรัชญ์ วุฑฒิรักษ์ รองผู้กำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี กองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นกรรมการ และ (7) พ.ต.ท.พฤฒ ศุภจิตตากร สารวัตร (สอบสวน) สน.ปากคลองสาน เป็นกรรมการ

พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยังได้มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 437/2567 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน ด้วยข้าราชการตำรวจดังต่อไปนี้ 1.พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผบก.ศฝร.บช.น., 2.พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภ.4, 3.พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผกก.ตม.จันทบุรี, 4.พ.ต.อ.อาริศ คูประสิทธิ์รัตน์ ผกก.ตม.ฉะเชิงเทรา, 5.พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รอง ผกก.ป.สภ.พระสมุทรเจดีย์ จว.สมุทรปราการ, 6.พ.ต.ต.ชานนท์ อ่วมทร สวป.สภ.พระประแดง จว.สมุทรปราการ, 7.ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว ผบ.หมู่ จร.โครงการพระราชดำริ 1 กก.6 บก.จร. และ 8.ส.ต.อ.อภิสิทธิ์ คนยงค์ ผบ.หมู่ ป.สภ.บางปะกง จว.ฉะเชิงเทรา มีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตั้งกรรมการสอบสวน

โดยมีพฤติการณ์ เกี่ยวข้องกับเครือข่ายหุ้นส่วน นายทุน เจ้าของเว็บไซต์และผู้ที่เกี่ยวข้องเว็บไซต์พนันออนไลน์ สล็อต บาคาร่า คาสิโนออนไลน์ เกมพนันออนไลน์อื่นๆ และต้องหาคดีอาญาที่ 468 /2566 ของสถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ ในข้อหาสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งเป็นกรณีต้องหาคดีอาญาร้ายแรง จนถูกศาลอาญาออกหมายจับ ตามหมายจับที่ จ.879-901/2566 ลงวันที่ 22 ก.ย.66

ในกรณีดังกล่าว และมีเหตุผลให้พักราชการได้ตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ.2547 ข้อ 3 (1) คือ ถูกตั้งกรรมการสอบสวน หรือต้องหาว่ากระทำผิดอาญา โดยผู้กระทำความผิดเป็นข้าราชการตำรวจ มีหน้าที่และอำนาจในการรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชน ป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา แต่กลับต้องหาว่ากระทำผิดทางอาญาเสียเอง ซึ่งเป็นคดีสำคัญอยู่ในความสนใจของประชาชน

ประกอบกับปรากฏข้อเท็จจริงตามเอกสารข่าวสำนักงานอัยการสูงสุด ลงวันที่ 19 ก.พ.67 ว่ามีพฤติการณ์การกระทำในเชิงคุกคามข่มขู่พนักงานอัยการที่ปฏิบัติหน้าที่ในการให้คำแนะนำปรึกษาการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ และขัดขวางกระบวนการสืบสวนสอบสวน ย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนและภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งแห่งชาติอย่างร้ายแรง ถ้าให้คงอยู่ในหน้าที่ราชการอาจเกิดความเสียหายแก่ราชการ ประกอบกับการสอบสวนพิจารณาในเรื่องนี้มีความยุ่งยาก สลับซับซ้อน และมีผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดเป็นเครือข่ายจำนวนมากพิจารณาแล้วเห็นว่าการสอบสวนพิจารณาที่เป็นเหตุให้สั่งพักราชการนั้นจะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว

ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 105 มาตรา 131 และมาตรา 179 แห่ง พระราชบัญญัติตํารวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ประกอบกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจาก ราชการไว้ก่อน พ.ศ.2567 ข้อ 5 จึงให้ พล.ต.ต.นำเกียรติ กับพวกรวม 8 นาย ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

อนึ่ง ผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตามคำสั่งนี้ มีสิทธิอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค.ตร. ได้ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 141ภายใน 30 วัน นับแต่วันรับทราบคำสั่ง และหากประสงค์จะฟ้องโต้แย้งคำสั่งหรือคำวินิจฉัยอุทธรณ์นี้ให้ทำคำฟ้องเป็นหนังสือยื่นต่อศาลปกครองหรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยังศาลปกครองภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือรับทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือภายใน 90 วัน นับแต่วันพ้นกำหนด 90วัน นับแต่วันที่ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือร้องขอทราบผลการวินิจฉัย
อุทธรณ์ สั่ง ณ วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ.2567

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องมีการแจ้งให้ประธานคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยทราบเพื่อให้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่วนกรณี พล.ต.ต.นำเกียรติ เนื่องจากเป็นตำรวจระดับ ผบก. นายกรัฐมนตรีต้องนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบ ตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ปี 2565 มาตรา 140 วรรค 2

ทั้งนี้ สำหรับตำรวจทั้ง 8 นายถูก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ในขณะนั้น สั่งให้มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย.66 ต่อมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ลงนามคำสั่ง ตร.106/2567 ลงวันที่ 15 ก.พ.67 ให้ตำรวจทั้ง 8 นาย ปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.เช่นเดิม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook