เปิดชีวิต "เจแปน ภาณุพรรณ" ผ่านจุดต่ำสุดกินบะหมี่หมดอายุทั้งน้ำตา สู่ทำรายได้ 30 ล้านต่อปี
เปิดชีวิต เจแปน ตลกรุ่นเล็ก ผ่านจุดต่ำสุด ต้มบะหมี่หมดอายุกินทั้งน้ำตา สู่วันฟ้าเปิด สร้างรายได้ขั้นต่ำ 30 ล้านต่อปี
เจแปน ภาณุพรรณ ตลกรุ่นเล็กสุดหล่อแถวหน้าของเมืองไทย กับเส้นทางชีวิตพลิกผันแบบสุดๆ เหตุการณ์ธุรกิจเกือบเจ๊งไม่เป็นท่า เสียหายไปหลายแสนบาท อนาคตมีแววผันตัวเป็นหมอดู ทักเบอร์มือถือตรงเผง ผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show ช่อง One 31 ที่มี หนิง ปณิตา, เบนซ์ พรชิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
พลิกผันมากชีวิต เรื่องเล่าเยอะแยะ ความฝันวัยเด็กคืออะไร?
“คือตอนเด็กมีความคิดว่าอยากจะเป็นตลกครับ ตั้งแต่เด็กๆ เลยนะ ครูถามก็จะบอกว่าอยากเรียนนิเทศศาสตร์ อยากเป็นนักแสดง อยากเป็นตลกครับ”
ไม่คิดอยากเป็นพระเอกเหรอ?
“ไม่คิดครับ ผมคิดว่าพระเอกเล่นได้เรื่องเดียว แต่ตลกเล่นได้ทุกเรื่อง เพราะละคร หนัง ต่างๆ นานา ต้องมีตัวละครคอยเสริม คอยแจมให้มีสีสัน”
ตอนนั้นที่บอกว่าอยากเรียนนิเทศฯ แล้วเข้าใจนิเทศศาสตร์มั้ย?
“ตอนนั้นไม่เข้าใจเลย จำได้ว่าตอนม.1 ครูเรียกไปหน้าชั้น ถามว่าเธออยากทำอาชีพอะไร เพื่อนคนอื่นบอกว่าอยากเป็นหมอ อยากเป็นครู อยากเป็นพยาบาล ไอ้เราก็ไม่รู้ว่าเราจะอะไร เราขึ้นไปแล้วบอกว่าผมอยากเป็นนักแสดงครับ ผมอยากเรียนนิเทศศาสตร์ ครูถามว่านิเทศศาสตร์คืออะไร ผมก็ตอบว่าน่าจะเกี่ยวกับพระมั้งครับ เพราะมันมีเทศน์ๆ เหมือนกันๆ ลูกล่อลูกชนเราก็มีเราก็ตอบไป”
เป็นมาตั้งแต่เด็ก?
“ติดคุณพ่อคุณแม่มา รักษาก็ไม่หาย ติดมาตั้งแต่เด็ก”
จุดเริ่มต้นในการชอบ?
“ผมดูวีซีดีคาเฟ่ เชิญยิ้ม, ชวนชื่น, หม่ำ จ๊กมก ดูทุกอย่างเลย”
ใครเป็นไอดอล?
“พี่หม่ำ , ป๋าโน้ต, อาเป็ด, พี่หนู คลองเตย, พี่บอล, น้าค่อม ก็เป็นไอดอลเราจริงๆ ดูเสร็จทำไมเขาตลกจังเลย เราลองจำมุกเขาเอาไปเล่นกับเพื่อนๆ ดู”
ตอนเด็กก็ขี้เล่น และตลกมั้ย?
“ซน ขี้เล่น ตลกเฉพาะกับเพื่อนๆ แต่จริงๆ เป็นคนเรียบร้อยมาก ผมอยู่กับคุณตาคุณยาย เขาเลี้ยงมา ฝั่งคุณพ่อทั้งตระกูลเป็นคุณครูทั้งหมดเลย เราต้องอยู่ในกฎระเบียบ อยู่ในกรอบ”
คุณพ่อคุณแม่เป็นคุณครู พอเราบอกว่าอยากเป็นตลก เขาไม่ห้ามเหรอ?
“เขาไม่ห้ามครับ แต่เราจะเกรงใจ ถ้าอยู่ต่อหน้าคุณลุงคุณป้าที่เป็นครู เราก็จะไม่กล้า เราจะเขิน แต่อยู่กับเพื่อนเมื่อ ไหร่จะเฮฮา สนุกสนาน ได้รับฉายาว่าตลกประจำห้อง เพราะกับเพื่อนเราจะกล้า เราจะแกล้ง เราจะเล่นมุก เราจะแซว ทำหน้าทำตาทะเล้นตึงตัง แต่พออยู่ที่บ้านปุ๊บจะเงียบเรียบร้อย”
อยากให้คนสนใจเราที่โรงเรียน?
“เรารู้สึกว่าพอเราเล่นมุกแล้วเพื่อนมันขำ พอมันขำเราก็ได้ใจ อยากขำอีก”
อึดอัดมั้ย อยู่โรงเรียนเป็นตัวเอง แต่อยู่บ้านต้องเรียบร้อย?
“เราเป็นคนเรียบร้อยอยู่แล้ว อยู่บ้านก็เล่นมุกปกติ แต่ไม่ได้ทะลึ่งตึงตังเหมือนเวลาเล่นกับเพื่อน ที่บ้านปลูกฝังเรื่องมุกตลกมาตั้งแต่เด็กๆ คุณป้าทำกับข้าวไป ร้องเพลงไป ลา มะลิลา ขึ้นต้นอะไรก็ได้ แต่คำลงท้ายต้องเป็นสระอา ผัวเมียเขารักกันมา ผัวเมียเขารักกันมาก ผัวเป็นขี้กราก เมียเอายาทา ผมก็จำตั้งแต่เด็กๆ สนุกสนาน ตลกโปกฮา”
อยู่กับตายายตั้งแต่เด็ก แล้วคุณพ่อคุณแม่ล่ะ?
“คุณพ่อคุณแม่เป็นหนุ่มสาวโรงงานอยู่กรุงเทพฯ คุณพ่อทำงานรัฐวิสาหกิจ คุณแม่ทำหลายอาชีพ สาวโรงงาน แม่ค้า ตัดผม เสริมสวย ทำมาหมดทุกอย่าง คุณพ่อคุณแม่อยู่กรุงเทพฯ เราอยู่สิงห์บุรี อยู่กับคุณตาคุณยาย เรามีโอกาสเจอพ่อแม่ช่วงปิดเทอมเท่านั้น เพราะสมัยก่อนการเดินทางไม่ได้สะดวก ไม่ได้มีรถส่วนตัวเป็นของตัวเอง นานๆ ทีเขาถึงจะกลับมา พอกลับมาเขาก็เอาเราไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ ไปเที่ยวสวนสนุกไปสวนสัตว์ต่างๆ นานา พอเราจะกลับ ความสุขแป๊บเดียวเท่านั้น”
น้อยใจมั้ย?
“ใจหายมากกว่า เราไม่ได้น้อยใจ เพราะเราเข้าใจว่าคุณพ่อคุณแม่ต้องทำงานเพื่อส่งเสียให้เราได้เรียน และส่งเสียคุณตาคุณยายด้วย”
รู้สึกขาดมั้ย?
“ผมเชื่อว่าเด็กทุกคนต้องการอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ แต่ผมเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ไม่งอแง ไม่ชักดิ้นชักงอ ไม่อยากได้ของอะไรแล้วต้องได้ เราจะเงียบและเข้าใจตั้งแต่เด็กๆ เลย”
ตอนเด็กขยันหาเงิน ใครปลูกฝัง?
“เราเห็นคุณพ่อคุณแม่เหนื่อยยากลำยากมากกว่าจะได้เงินแต่ละบาท แต่ละร้อย วัยประถม ผมได้เงินจากคุณยาย 10 บาท เพื่อกินขนม กินข้าว มื้อกลางวันฟรี ขนมต่างๆ เราซื้อเอง คุณยายให้เรา 10 บาท ที่สำคัญต้องเหลือเก็บมาด้วยนะ จะเหลือกี่บาท จะใช้กี่บาท (หัวเราะ) 10 บาทมันไม่พอหรอก น้ำก็แก้วละ 5 บาทแล้ว เราก็ปั่นจักรยานไปที่บ้านคุณพ่อ ทุกเช้าเราต้องไปขึ้นรถไปโรงเรียนกับคุณครู ผมก็มีหน้าที่สำหรับหลานชายคือคุณย่าผมตอนเขายังอยู่ เขาเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก หน้าที่ผมคือต้องเอากะละมัง กระโถน ไปล้างไปเทไปเช็ดทำความสะอาด เอากะละมังมาให้คุณย่าแปรงฟัน ล้างหน้า หลังจากนั้นคุณย่าจะให้ทิปอีก 10 บาท เป็น 20 บาท เราก็ใช้เงินคุณยายให้หมด อีก 10 บาทของคุณย่าเราก็เก็บไว้ เพื่อพรุ่งนี้เราจะได้มีเงินมาทบอีก 20 บาท เป็น 30 บาท ยุคนั้นมีแคตตาล็อก ซื้อของกิ๊ฟช็อป ต้องเขียนจดหมายสั่งของจากแคตลาล็อก มันจะมีของเล่น ถุงตดต่างๆ นานา ถ้าจำกันได้ ผมก็เอาแคตตาล็อกนี้ไปถามเพื่อนว่าจะเอาอะไร ผมก็บวกเพิ่ม ค่าคอมมิชชั่น 5 บาท 10 บาท ซึ่งเขาไม่รู้หรอกว่าเราบวก เพราะมันบวกไปนิดหน่อย ไม่ได้เอากำไรมากมาย”
เป็นเด็กขายตรงมาก่อน?
“ใช่ (หัวเราะ) ผมทำดาวน์ไลน์มาก่อน”
ได้ต่อเดือนเท่าไหร่?
“ก็หลักร้อยนะครับ เด็กประถมมีเงินต่อเดือนหลักร้อย มันก็เยอะมากแล้ว”
ขยันจนได้ฉายา?
“คุณครูกับเพื่อนตั้งฉายาว่าตลกประจำห้อง เราขายทุกอย่าง ขายของด้วย ขายความฮาด้วย ตลกประจำห้องเป็นตั้งแต่อนุบาล จนถึงมัธยมเราก็เป็น”
เป็นพิธีกรที่โรงเรียนด้วย?
“นี่เป็นจุดพลิกผัน ไม่ได้เงิน แต่ทำด้วยความตั้งใจ คุณครูจะเห็นว่าเรามีแววตลก ทำไมตลกแต่ตลกเฉพาะกลุ่ม ต้องเอาออกมาให้ทั้งโรงเรียนได้เห็น ก็เอาเลย เป็นพิธีกรประจำวงดนตรี สมัยก่อนมีวงดนตรีไปแข่งขันระดับประเทศ ผมก็เอาเลย แต่เราไม่เคยจับไมค์มาก่อนต่อหน้าเด็กทั้งโรงเรียน พันสองพันคน มันตื่นเต้นมาก เราก็จะทำยังไงดี เราก็เตรียมตัว ไปดูป๋าโน้ส อุดม ไปดูอ.จตุพล ว่าเขามีวิธีการพูดยังไงให้คนขำ ทำให้คนฮา เราก็เก็บเล็กผสมน้อย ครูพักลักจำมา เอามาเขียนเป็นสคริปต์ เอามุกเขามาใช้ มุกแรกที่ผมใช้คือ กราบสวัสดีครับท่านแขกผู้มีแก่ แฮ่ ก่อนฟังเพลงสุดท้ายเรามาฟังเพลงแรกกันก่อน ขอให้ทุกคนพักกบ พบกับ อะไรแบบนี้ มันเป็นมุกเบสิกง่ายๆ เลย ทุกคนก็ขำกับมัน ก็เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เราอยากเป็นพิธีกร อยากเป็นเบื้องหน้า”
สุดท้ายเริ่มเข้าวงการบันเทิง เล่นหนังวัยรุ่นพันล้าน?
“เป็นค่ายหนังที่ ณ ตอนนั้นดังมากๆ ระเบิดระเบ้อเลย วัยรุ่นยุคนนั้นก็อยากเป็นนักแสดงในค่ายนั้น ผมเล่นเป็นเพื่อนพีช พชรเป็นซีรีส์แรก ยังไม่ได้ดัดฟันเลย”
ทำไมไม่มีใครรู้จัก เรื่องอะไร?
“ท็อปซีเคร็ท วัยรุ่นพันล้าน เกี่ยวกับเถ้าแก่น้อย หนังดังมาก แต่ผมไม่ดัง ตอนนั้นหนังเข้าโรงปี 54 วันแถลงข่าวใจฟูมาก หนังเรื่องนี้ต้องดังแน่ๆ เพราะเป็นหนังที่ดีมาก สร้างแรงบันดาลใจ อีกวันหนังจะเข้าโรง น้ำท่วมกรุงเทพฯ จากเถ้าแก่น้อยขายสาหร่าย วันนั้นตะใคร่น้ำเกลื่อนเมืองเลยครับ โอ้โห เซ็งมากเลย หนังก็เลยไม่ได้เรื่องรายได้ ตอนนั้นพี่ย้งเลือกเราแล้ว ได้ประกบพีช พชรด้วย”
พอเรียนหนังสือจบ ก็ได้ชิมลางงานในวงการ กระเสือกกระสนจนเก็บเงินได้ก้อนนึง สุดท้ายเงินก้อนนั้นหายไปไหน?
“มาทำบริษัทกับเพื่อน 1 แสนบาทลงหมดเลย เงินเก็บทั้งชีวิตเลยครับ มารวมกันให้ได้เป็นล้าน เปิดบริษัทบุฟเฟ่ต์โปรดักชั่นทำเกี่ยวกับโปรดักชั่นเฮ้าส์ ผลิตโฆษณา ทำหนัง ทำซีรีส์ ไม่ทันได้รายได้เลยครับ ไม่ทันคืนกำไร โจรขึ้นออฟฟิศ รอบแรกมันตัดสายไฟ 3 เฟดของออฟฟิศ มันตัดไปขาย ไฟก็ดับ เราก็เอานั่นนี่มาต่อกันใหม่ อีกวันมันมาอีก มันยกเค้าทั้งบ้าน เอาคอมพิวเตอร์ เอาโน้ตบุ๊ก เอาอุปกรณ์ทำมาหากินเราไปหมดเลย ร่วมๆ เกือบ 3 แสน ผมก็ต้องมาใช้หนี้ให้เพื่อนๆ ใช้หนี้ให้บริษัท”
ชีวิตลำบากที่สุด?
“ถือว่าตกต่ำ แต่ยังไม่สุดครับ ไม่มีเงินครับ เปิดบริษัท 2 ปีไม่มีรายได้เลย แล้วโดนโจรขึ้น แล้วไม่มีเงินผ่อนค่าห้องเช่า ไม่มีเงินกินข้าว”
เงินในกระเป๋าเศษเหรียญยังไม่เจอ?
“ต้องไปรื้อตามลิ้นชัก เก๊ะต่างๆ ก็ไม่มี ไปเจอบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หมดอายุมา 2 ปี พลิกดูด้านหลังแล้วหิวมาก ทำไงดี ก็เลยต้มกิน ต้มกินบะหมี่หมดอายุทั้งน้ำตา อะไรมันจะขนาดนี้ นี่คือที่สุดแล้วครับ”
มันผ่านไปได้ยังไง?
“อีกวันก็ต้องไปอาศัยกินข้าวตามกองถ่าย เราเป็นคนเบื้องหลัง เป็นครีเอทีฟ เป็นผู้กำกับ เราไม่มีเงิน แต่เราไปกองถ่ายก็ยังได้กินข้าว ก็เอาข้าวกลับมา ใช้ชีวิตแบบนี้ จนวันนึงไม่มีที่พัก ไม่มีเงินจ่ายค่าห้อง ราคา 5-6 พัน ก็ต้องมาอยู่ออฟฟิศ ตอนกลางวันเราเป็นเจ้านายเขา แต่ตอนกลางคืนเจ้านายเอาผ้ามาปูพื้นนอนที่ออฟฟิศ”
สุดท้ายตัดสินใจมาทำยูทูป?
“เราทำยูทูปตั้งแต่ตอนสมัยเรียน แต่พอเราออกมาทำบริษัทกับเพื่อน มันห่างหายไป เราก็คิดว่ามันไม่ได้แล้ว อย่าทิ้งสิ่งที่เราทำเก่งสิ ก็กลับมาทำยูทูป เฟซบุ๊กต่อ”
จนวันนี้มีรายได้จากการทำยูทูป ขั้นต่ำ 30 ล้าน?
“ณ ตอนนั้นมันพีคมากๆ ผ่านมาประมาณ 6-7 ปี ช่วงนั้นยังงงกับตัวเองและเพื่อนๆ ว่าเราอยู่ในจุดต่ำสุด แต่มาถึงจุดนี้ที่รายได้ต่อปี ลูกค้า แบรนด์สปอนเซอร์เข้ามา จนทำให้รายได้ต่อปีสะสมอยู่ที่ประมาณ 20 ล้าน มันเริ่มจาก 20 ก่อน แล้วค่อยๆ มา 30 ล้าน ห้าปีที่เฉลี่ยแล้ว รายได้เยอะมาก เราก็ตกใจตัวเองเหมือนกัน”
ได้มาด้วยอะไร?
“ไม่หยุด ไม่ท้อครับ เรามีแรง เรายังไม่ตาย เราก็ทำ ไม่มีเงินเราก็ทำ ทำจนกว่าลูกค้าจะเห็นว่าเรามีฝีมือ เราทำงานได้ เรามีมันสมอง เราครีเอทีฟนะ แสดงจนกว่าเขาจะเห็นและไว้ใจ เข้าเนื้อก็ทำ อย่างน้อยให้เห็นว่าเราทำผลงานได้ ก็ต้องขอบคุณลูกค้าทุกเจ้าจริงๆ ที่ซัปพอร์ตเรา ณ ตอนนั้น เขาก็ให้งาน ให้เงินเรา และไว้ใจให้เราทำงาน”
ใช้กรรมหมดแล้ว จนวันที่สู้ที่สุดแล้ว ช่องนึงซึ่งเป็นช่องใหญ่ก็เห็นคุณค่าในตัวเรา?
“เขาให้เราไปเป็นแขกรับเชิญก่อน เขาบอกว่าน้อง พี่เห็นนะเราดังในยูทูปนะ มาเป็นแขกรับเชิญรายการนี้ คู่กับพิธีกรตลกมากความสามารถ เป็นไอดอลเราด้วย เราตัดสินใจมาเลย ตอนแรกคิดว่าเขาจะมาเตี๊ยมมาบรีฟก่อนเข้ารายการก่อน แต่ไม่เลย เหมือนเขาลองภูมิเรา 5 4 3 2 ปุ๊บ ถ่ายเลย ตอนนั้นผมรู้เนเจอร์เพื่อนๆ อยู่แล้วว่าเก่งในด้านไหน แล้วเราก็รู้ว่าพิธีกรท่านนี้ที่มากความสามารถ พี่หม่ำ เรารู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นแบบไหน เราก็วางเอาไว้ว่าผมต้องอยู่ใกล้เขาที่สุด เพราะผมรู้ทางมุกเขา แล้วผมค่อยจ่ายให้เพื่อนๆ ทีนี้กลายเป็นว่ามันเข้าตากรรมการ สตูฯ วันนั้นผู้บริหารเขาลงมาดู แล้วพี่หม่ำแกก็แซวว่าเดี๋ยวมึงก็คงได้งานแล้วแหละ เชื่อมั้ยครับ ผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์ เขาติดต่อมาจริงๆ ให้ไปร่วมเล่นในรายการที่เราดูตั้งแต่เด็กๆ เป็นรายการตลกที่ใครก็รู้จัก อยู่มานาน 20-30 ปี”
เห็นแบบนี้ แต่เรื่องลี้ลับเยอะ บ้านมีผี?
“จริงๆ แล้ว ไม่ได้มีเซ้นส์ ไม่ได้มีญาณสัมผัสอะไรเลย แต่ว่าหลายๆ คนที่มาที่บ้าน ก็จะเห็น ว่าเรามีเจ้าที่บ้าง มีผีบ้าง อย่างตอนเราซื้อบ้าน เราก็อธิษฐานจิตว่าอยากได้บ้านหลังนี้มาก เพราะลมมันเย็นมาก บรรยากาศมันดีมาก แต่พอตอนจ้างสถาปนิกออกแบบดีไซน์ภายในบ้าน เขากลับไปฝันว่ามีเจ้าที่คนนึงเป็นผู้หญิงสวยมาก ยืนอยู่ในบ้าน ใส่ชุดสมัย ร.5 ยิ้มให้ เหมือนเขาส่งกระแสจิตมาว่า ทำบ้านหลังนี้ให้ดีนะ นี่เคสนึง อีกเคสเพื่อนผมคนนึงไม่เคยเชื่อเรื่องภูตผีปีศาจเลย มาที่บ้าน เขาเห็นผู้ชายใส่เสื้อสีขาวๆ ยาวๆ ใส่หมวกทรงแหลมๆ ขึ้นไป เขาก็ถามผมว่าคนนี้คือใคร เขาเดินขึ้นบันไดผ่านหน้าห้องเรา แล้วเหมือนชะโงกหน้ามาดูว่าใครอยู่ในห้องนี้ แล้วเดินผ่านประตูห้องน้ำไป ผมก็ถามว่าใช่ชุดแบบนี้มั้ย ปรากฎว่าเป็นเทวดาครับ เป็นชุดเทวดายาวๆ สีขาวๆ ใส่หมวกทรงสูง บางทีก็มีเด็กกุมารตัวดำๆ อยู่ในครัว เขาเห็นปุ๊บเขาก็ร้องกรี๊ดเลย ถามว่าใครๆ เด็กตัวดำๆ ในครัว เราก็พาไปห้องพระใช่องค์นี้มั้ย ไอ้ไข่ครับ”
ความสามารถอีกอย่างคือใครเจอหน้าก็จะให้ดูดวงให้หน่อย จะหันไปเป็นซินแสแล้ว?
“จริงๆ มันเป็นความชอบ เราชอบดูหมอ ชอบดูดวง อยากดูไกด์ไลน์ชีวิต มีจังหวะนึงที่คิดว่าถ้าเขาดูได้ ทำไมเราจะดูไม่ได้ ประจวบเหมาะกับเราไปดูดวงหลายๆ ที่ อาจารย์ชอบทักมาว่า ดวงชะตาเรามีดาวพฤหัส กับดาวพระเกตุอยู่คู่กัน ถ้าเป็นหมอดู ดังกว่าอาจารย์อีก แค่คนเดียวก็ไม่ทัชใจเท่าไหร่ มีคนมาทักแบบนี้เรื่อยๆ หลายคน ประจวบเหมาะเราก็ชอบเรื่องนี้เหมือนกัน เราก็ไปศึกษาเรื่องไพ่ เรื่องตัวเลข เรื่องเบอร์โทรศัพท์ โหราศาสตร์ ฮวงจุ้ย ทุกด้าน”
จะเปิดสำนักเลยมั้ย?
“เป็นแผนไกลๆ ในอนาคต ถ้าเราไม่ได้อยู่ในวงการ เราผันตัวเป็นครูบาอาจารย์ อาจเป็นแผนในอนาคต ซึ่งจากที่ทีมงานส่งเบอร์โทรศัพท์มาให้ผม ทั้งสองท่านซื้อมาแน่นอน คงไม่มีใครให้มา ที่สำคัญราคาแต่ละเบอร์ อย่างพี่เบนซ์หลักแสน เป็นเบอร์ที่ไม่เสียนะครับ เลขข้างหน้าเป็นเลขดาวพระเกตุ จริงๆ คนเข้าถึงยาก แต่จะชอบเรื่องการสวดมนต์ สวดมนต์แล้วจะได้ ทำบุญแล้วจะได้ เพราะมีเลขดาวพระเกตุกับดาวพุธทำให้เราชอบการสวดมนต์ เดินทางต่างที่ต่างถิ่นได้ดี สรุปคร่าวๆ คือเบอร์พี่เบนซ์เป็นเบอร์นักบวช นักบุญ นักปฏิบัติ สุดท้ายจะมีเลขดาวอังคารอยู่ฐานหลังสุด ทำให้พี่หยุดทำไม่ได้ ทุกอย่างต้องทำด้วยตัวของตัวเองถึงจะได้เงิน เพราะเลขตรงกลางคือสายกลาง ไม่ตึงไม่หย่อน ไม่แข่งขัน แต่เลขหลังคือการแข่งขัน มันเลยคอนทราสกัน บางทีลังเล สงสัย ของพี่เบนซ์ต้องสวดมนต์ ไหว้พระ ปฏิบัติ เป็นเบอร์สื่อเกี่ยวกับเทพได้ดี องค์เทพขอเลย แล้วจะได้”
“ส่วนของพี่หนิง เบอร์ดูแล้ว เขาเล่นกันราคาหลักครึ่งล้าน (หัวเราะ) แตะล้านเลย เบอร์นี้มีเลขหลายเลขที่เกี่ยวกับพระราหู เป็นพี่ใหญ่ ใจถึงพึ่งได้ ขาลุย ชอบเลี้ยง ชอบจ่าย หามาเยอะก็จ่ายเยอะ เรียงกันไปเรียงกันมาเป็นดาวคนใจใหญ่ ใจถึง เสียหน้าไม่ได้ ไม่ยอม ที่สำคัญเป็นเลขของพระราหูคู่ดาวพระเกตุ ทำให้ต้องทำงานที่ปกครองคนเยอะ ทำงานคนหลากหลาย ต้องดุ ต้องดัน แล้วมีเซ้นส์ในการตัดสินใจได้ดีมาก เบอร์นี้เป็นตัวตนพี่หนิงเป๊ะเลย คือลุย เลขนี้รวยอยู่แล้ว ถ้าทำอะไรเกี่ยวกับกลางคืน เงินหมุน หลากหลายโปรเจกต์ธุรกิจ อะไรที่เทาๆ หน่อยๆ ดีเลยครับ”
มีอะไรเตือน?
“พักผ่อนน้อย ต้องระวัง พักผ่อนไม่เป็นเวลา บางทีชาทั้งตัวเหมือนโดนอำ นอนไม่หลับ นอนไม่ค่อยสนิท จริงๆ ถ้าใช้สองเบอร์ก็ต้องแยก เบอร์ไหนใช้มากสุดจะกลายเป็นดีเอ็นเอของเรา ยิ่งใช้นานจะกลายเป็นนิสัยของเราไปเลย ผมแนะนำให้ใช้เบอร์นึงไม่เกิน 5 ปี ต้องเปลี่ยน ถ้าเชื่อเรื่องเบญจเพส เบญจ จริงๆ ไม่ใช่แค่ 25 แต่ทุกๆ 5 ปีชีวิตเราจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่พออายุ 25 คนเราถึงมาโฟกัสเรื่องตัวเอง อายุ 30 เพิ่งโฟกัสเรื่องครอบครัว ความสำเร็จในชีวิตประจำวัน”
เป็นผู้กำกับด้วย จะมาชวนไปดูหนังเรื่องอะไร?
“ศึกค้างคาวกินกล้วยครับ ผมเขียนบทเองอยู่ 1 ปี ถ่ายทำอีก รวมตัดต่ออีก 1 ปี ใช้เวลาทั้งหมด 2 ปี ผมทั้งเขียนบท กำกับ และแสดงครับ เรื่องนี้นักแสดงนำ คือ เก้า จิรายุ, พีช พชร, โจริณ 4EVE, นิกกี้ ณฉัตร”
ทำไมต้องสี่คนนี้?
“มีนักแสดงอีกหลากหลายเลยครับ เรื่องราวเป็นยุคมืดดนตรีไทย ที่ถูกกวาดล้าง ไม่สามารถให้เล่นดนตรีไทยได้เลย แก๊งค้างคาวกินกล้วยจะมากอบกู้ความเป็นดนตรีไทยของคนไทยกลับมาอีกครั้งนึง เรื่องนี้ผมจัดเต็มจริงๆ อยากให้ไปดูความเป็นดนตรีไทย ความป่วนแก๊งสเตอร์”
น้ำไม่ท่วมนะ?
“ไม่ท่วม พีช พชร ผมมีความติดตรึง ตรึงใจกับเถ้าแก่น้อยมาก ดึงมันมาแก้มือกันหน่อย ที่สำคัญ พีช พชร กับเก้า จิรายุ ปะทะกันเลย อีกคนก็เจแปน ภาณุพรรณ (หัวเราะ)”
คนดูได้อะไร?
“ได้ความสนุก ความมันส์ แต่ละคนพลิกบทบาทเลย อย่างเก้าเรื่องนี้เล่นเป็นตัวโกงเป็นวายร้ายที่จะมากวาดล้าง แนวหนังเป็นแอ็กชั่นที่เข้มข้น มีความเป็นแก๊งสเตอร์ของแก๊ง รวมกันเป็นหนังเรื่องนี้”
เอาเด็กยุคนี้ไปเล่นดนตรีไทยฝึกเขายังไง?
“เอาระนาดส่งไปที่บ้านเขาเลย ให้ฝึกเล่นระนาดเลย ไม่ง่ายครับ จะเข้าโรงแล้วครับ วันที่ 19 ก.ย.นี้ ทุกโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ อยากให้ไปอุดหนุนเพราะตั้งใจมาก ทั้งเขียนบท กำกับ และแสดงด้วย อยากให้ไปติดตามกันครับ”
ติดตามชมรายการคุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
อัลบั้มภาพ 13 ภาพ