เด็กวัย 16 ดื่มน้ำวันละ 9 ลิตร ที่แท้สัญญาณเตือน หมอบอกป่วยอะไร พ่อแม่แทบทรุด

เด็กวัย 16 ดื่มน้ำวันละ 9 ลิตร ที่แท้สัญญาณเตือน หมอบอกป่วยอะไร พ่อแม่แทบทรุด

เด็กวัย 16 ดื่มน้ำวันละ 9 ลิตร ที่แท้สัญญาณเตือน หมอบอกป่วยอะไร พ่อแม่แทบทรุด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เด็กชายอายุ 16 ปี ดื่มน้ำวันละ 9 ลิตร ทุกวัน 1 ปีต่อมา ถึงได้รู้ความจริงว่าป่วยเป็นอะไร แพทย์เตือนว่าหากมี 4 อาการนี้ ให้ไปพบแพทย์ทันที

เว็บไซต์ HK01 รายงานเรื่องราวของ เด็กชายอายุ 16 ปี ในกว่างโจว ประเทศจีน ชื่อปินปิน (นามสมมุติ) เขาดื่มน้ำเกือบ 9 ลิตรทุกวัน และกินอาหารไม่หยุด พ่อของเขาสังเกตเห็นความผิดปกติในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนปี 2564 และกังวลว่าปินปินอาจมีปัญหาเกี่ยวกับไตหรือเบาหวาน แต่ผลตรวจสุขภาพในขณะนั้นกลับปกติทุกอย่าง ปริมาณการดื่มน้ำของปินปินก็ลดลง ทำให้ไม่ได้รับการรักษาเพิ่มเติม

1 ต่อมา พฤติกรรมของปินปินเริ่มผิดปกติ โกรธง่ายผิดปกติ ตอนแรกคิดว่าเป็นโรคซึมเศร้าช่วงวัยรุ่น จึงรักษาไปในทิศทางนั้น แต่หลังจากหลายเดือนอาการไม่ดีขึ้น ปินปินเริ่มมีปัญหาการมองเห็น ทำให้เดินสะดุดและล้มบ่อย หลังจากไปพบแพทย์หลายครั้ง ในที่สุดก็ถูกวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกในสมอง

แต่ฝันร้ายยังไม่จบลง หลังจากการผ่าตัดเอาเนื้องอกออก ปินปินมีปัญหาความจำระยะสั้น น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 50 กิโลกรัมเป็น 75 กิโลกรัม และนิสัยเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้ครอบครัวทุกข์ใจ

"นิสัยไม่เหมือนเดิมเลย ต้องคอยจับตาดูเขาตลอดเวลา เพราะไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรในวินาทีต่อไป"

เพื่อรับการรักษาเพิ่มเติม ในเดือนพฤษภาคม 2566 ปินปินถูกพาตัวไปที่โรงพยาบาลทางสมอง และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกเซลล์สืบพันธุ์ชนิดผสม

หลังการผ่าตัดยังพบสัญญาณของการกลับมาเป็นซ้ำ อีกทั้งยังมีความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อและการติดเชื้อในปอด ทำให้ปินปินมีอาการไข้ซ้ำ ๆ ตัวบวม และอารมณ์หงุดหงิดตลอดเวลา

หลังจากรับการฉายรังสี 4 ครั้ง อุณหภูมิร่างกายของปินปินกลับสู่ปกติ อารมณ์เริ่มคงที่ และปริมาณการดื่มน้ำลดลงเหลือประมาณ 3 ลิตรต่อวัน

ทั้งนี้ แพทย์เตือนว่า สำหรับผู้ป่วยเนื้องอกเซลล์สืบพันธุ์บริเวณกึ่งกลางสมองเช่นปินปิน โดยทั่วไปมักจะมีอาการ 4 อย่าง ได้แก่ "ดื่มน้ำมาก", "ปัสสาวะบ่อย", "การมองเห็นลดลง" และ "ความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อ" หากมีอาการคล้ายกัน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook