ลูกชายสอบเข้า ม.ดัง ได้ แต่พ่อไม่ให้เรียน ขอตร.ช่วยคุย ทำคดี 19 ปีก่อนถูกรื้อฟื้น

ลูกชายสอบเข้า ม.ดัง ได้ แต่พ่อไม่ให้เรียน ขอตร.ช่วยคุย ทำคดี 19 ปีก่อนถูกรื้อฟื้น

ลูกชายสอบเข้า ม.ดัง ได้ แต่พ่อไม่ให้เรียน ขอตร.ช่วยคุย ทำคดี 19 ปีก่อนถูกรื้อฟื้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ลูกชายสอบติดมหาวิทยาลัยชั้นนำ แต่พ่อยืนกรานไม่ให้ไปเรียน ไปขอตำรวจให้ช่วยคุย กลายเป็นคดีเมื่อ 19 ปีก่อนถูกเปิดเผยอย่างไม่คาดคิด

หลังจากเรียนจบชั้นมัธยม เสี่ยวหวู่ จากมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ก็เข้าสอบเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนกับเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกัน ด้วยความเป็นนักเรียนดีเด่นมาหลายปี เขามั่นใจว่าจะผ่านการสอบได้อย่างง่ายดาย

เมื่อถึงวันที่ประกาศผลสอบ ก็เป็นไปตามที่คาดไว้ เขาทำได้กว่า 700 คะแนน ซึ่งเพียงพอให้เข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งได้โดยไม่ต้องคิดมาก เสี่ยวหวู่รีบไปบอกข่าวดีนี้กับพ่อแม่ด้วยความภูมิใจ

หลังเลี้ยงลูกมาถึง 12 ปี เห็นผลลัพธ์เช่นนี้ คุณพ่อหลี่และคุณแม่หงต่างดีใจมาก ถึงขั้นวางแผนจัดงานเลี้ยงฉลองและเชิญคนมาร่วมแสดงความยินดี

หลังจากรู้คะแนน เสี่ยวหวู่เริ่มคิดถึงการเลือกสาขาวิชา เมื่อคุณพ่อหลี่ถามลูกชายว่าต้องการเรียนสาขาอะไร เขาตอบโดยไม่ลังเลว่าอยากเรียนคณะอักษรศาสตร์ของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง

แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ พ่อของเขากลับคัดค้านอย่างหนัก คุณพ่อหลี่เชื่อว่าลูกชายควรเลือกคณะที่เกี่ยวกับการเงิน ซึ่งจะมีอนาคตที่กว้างไกลกว่า เสี่ยวหวู่พยายามอธิบายว่าตนเองรักการอ่านและเขียนมาตั้งแต่เด็ก การได้เรียนในคณะอักษรศาสตร์ของมหาวิทยาลัยปักกิ่งเป็นความฝันของเขา

แม้ว่าลูกจะพูดอย่างไรก็ไม่อาจเปลี่ยนใจพ่อได้ คุณพ่อหลี่ยังยืนกรานว่าลูกชายควรเลือกเรียนคณะการเงิน เพื่อที่จะได้มีงานที่ดีและหาเงินได้มากเมื่อเรียนจบ

หลังจากการโต้เถียงกันอยู่นาน แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้ ในช่วงที่เสี่ยวหวู่รู้สึกหมดหนทาง เขาจึงยอมรับเงื่อนไขของพ่อว่าจะสมัครเรียนคณะการเงิน แต่ในการกรอกใบสมัคร เขาตัดสินใจเลือกสาขาที่เขารักอย่างลับ ๆ จนกระทั่งได้รับจดหมายตอบรับเข้าเรียน ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีก

แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่เสี่ยวหวู่คาดไว้ เมื่อพ่อของเขารู้ว่าลูกชายแอบเปลี่ยนสาขาวิชา คุณพ่อหลี่โกรธมาก และในขณะที่ขาดการควบคุมอารมณ์ เขาได้พูดจารุนแรงใส่ลูกชาย ถึงขั้นประกาศว่าจะไม่ให้ลูกไปเรียน

คดีเมื่อ 19 ปีก่อนถูกเปิดเผย

ในขณะที่อารมณ์รุนแรง เสี่ยวหวู่จึงไปที่สถานีตำรวจท้องถิ่นเพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยเกลี้ยกล่อมพ่อ แต่ไม่คาดคิดว่าการกระทำของเขาจะนำไปสู่การจับกุมพ่อของเขา

เมื่อเสี่ยวหวู่เล่าเรื่องความขัดแย้งให้ตำรวจฟังในตอนแรก เจ้าหน้าที่ไม่ได้จริงจังมากนัก เพราะพวกเขาเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้หลายครั้ง และวิธีแก้ไขที่ง่ายที่สุดคือการเจรจาอย่างอดทน

ตำรวจจึงเดินทางไปที่บ้านของเสี่ยวหวู่และพูดคุยกับพ่อแม่ของเขา หลังจากที่พูดคุยกันอยู่สักพัก คุณพ่อหลี่ก็เริ่มยอมรับความจริงว่าลูกชายจะได้เรียนคณะอักษรศาสตร์ของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง

ขณะเดียวกัน ตำรวจก็ได้อธิบายให้เสี่ยวหวู่เข้าใจพ่อของเขามากขึ้น แม้ว่าพ่อจะพูดจารุนแรง แต่ลึก ๆ แล้ว เขาก็หวังดีและอยากให้ลูกมีอนาคตที่ดี

หลังจากแก้ไขความขัดแย้งระหว่างสองพ่อลูกแล้ว ตำรวจจึงกลับไปที่สถานี และตามปกติ เขาได้บันทึกข้อมูลของเหตุการณ์นี้ รวมถึงชื่อและภาพของคุณพ่อหลี่และเสี่ยวหวู่

สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ หลังจากที่ตำรวจบันทึกข้อมูลและภาพถ่ายของคุณพ่อหลี่ เจ้าหน้าที่พบว่าชายคนนี้มีลักษณะคล้ายกับผู้ต้องหาที่หลบหนีคดีอาชญากรรมร้ายแรงซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อน

เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม พวกเขาพบว่าถึงแม้เวลาจะผ่านไปนาน แต่ใบหน้าของผู้ต้องหายังคงคล้ายกับภาพที่มีอยู่มาก

เมื่อถูกสอบสวน คุณพ่อหลี่ก้มหน้ายอมรับผิดและสารภาพว่าเขาเป็นผู้ก่อเหตุจริงและหลบหนีมาหลายปี เพื่อปิดบังตัวตน เขาและภรรยาได้เปลี่ยนชื่อและย้ายที่อยู่หลายครั้ง ไม่กล้าอยู่นานในที่ใดที่หนึ่ง

หลังจากการหลบหนีเป็นเวลานาน คุณพ่อหลี่เชื่อว่าตำรวจคงหาเขาไม่พบ และคดีเก่าคงจะถูกลืมไป แต่สุดท้ายความยุติธรรมก็ยังตามทัน เขาจึงต้องชดใช้ความผิดที่ได้ก่อไว้

เมื่อเสี่ยวหวู่เห็นพ่อถูกตำรวจจับ เขาได้แต่ร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น แม้ว่าจะเจ็บปวดเพียงใด แต่ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ในฤดูใบไม้ร่วงปีนั้น เสี่ยวหวู่เดินทางไปเรียนที่ปักกิ่งเพียงลำพัง โดยไม่มีพ่อเคียงข้าง พร้อมความกังวลและภาระหนักในใจ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook