แม่ร่ำไห้! โผกอดลูกหลังเป็นข่าวถูกพ่อทารุณ
นางไพรลดา กุศลสร้าง รปภ.โรงเรียนย่านบางขุนนนท์ ร่ำไห้กอดลูกสาวที่ไม่ได้เจอมานับสิบปี หลังลูกตกเป็นข่าวถูกพ่อแท้ๆ ทารุณกรรม
ความคืบหน้า (29 ก.ค.)จากกรณี นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี นำตัว ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 11 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป.4 โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งย่านบางแค เข้าแจ้งความที่ สน.หนองค้างพลู ให้ดำเนินคดีกับ นายวัฒน์ชณิชา เส่งมา อายุ 40-45 ปี พ่อแท้ ๆ ในข้อหาทำร้ายร่างกาย
ด้าน พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ ชูชวด พนักงานสอบสวน สบ 2 สน.หนองค้างพลู กล่าวว่า เบื้องต้นหลังรับแจ้งลงบันทึกประจำไว้เป็นหลักฐาน พบว่าเด็กมีบาดแผลตามร่างกายหลายแห่ง โดยสภาพจิตใจของเด็กตอนนี้บอบช้ำมาก จึงต้องให้แพทย์รักษาฟื้นฟู และเยียวยาจิตใจ
พ.ต.ท.ไมตรี ศิลปเสวี รอง ผกก.(สส.) สน.หนองค้างพลู กล่าวว่า ทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รับตัวเด็กไปฟื้นฟูสภาพจิตใจ เนื่องจากเด็กอยู่ในสภาพกลัวมาก โดยต้องนัดมาสอบปากคำเด็กอีกครั้งหนึ่ง ทางกระทรวงจะนัดพามาแล้วนำเด็กมาให้สอบปากคำ พร้อมกับนักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา และอัยการ ส่วนบิดาทางพนักงานสอบสวนก็ออกหมายเรียกตัวมาสอบปากคำพร้อมด้วยนักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา และอัยการเช่นกัน ประมาณต้นเดือนหน้า
ด้านนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิ พร้อมด้วยนางไพรลดา กุศลสร้าง อายุ 38 ปี มารดา มารดาของ ด.ญ.เอ ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทแห่งหนึ่ง รับงานดูแลความปลอดภัยให้ที่โรงเรียนวัดบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กทม.เดินทางเข้าพบนายอิสสระ สมชัย รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อติดต่อขอพบบุตรสาว เจ้าหน้าที่จึงนำตัว ด.ญ.เอ มาพบมารดาเป็นครั้งแรก ทันทีที่ทั้งสองแม่ลูกเจอหน้ากันต่างโผเข้ากอดกัน ร่ำไห้หลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ จากนั้นนางไพรลดาพูดคุยกับบุตรสาวว่า เจ็บมากมั้ยลูก แม่มาแล้ว ขณะที่บุตรสาวถามมารดาว่า แม่ไปไหนมา นางไพรลดาถึงกับหยุดสะอื้นก่อนตอบว่า แม่อยู่นี่แล้ว จากนั้นทั้งคู่ก็โผเข้ากอดกันอีกครั้ง
นางไพรลดา กล่าวทั้งน้ำตาว่า รู้สึกดีใจมากที่พบลูกเพราะตั้งแต่เลิกรากับสามีซึ่งเป็นพ่อของ น้องนุชก็ไม่เคยได้พบหน้าลูกมานานกว่า 11 ปี แม้ว่าตนจะดีใจที่พบลูกในครั้งนี้ แต่ก็เสียใจและเครียดมากที่ลูกต้องเจอสภาพโหดร้ายที่พ่อบังเกิดเกล้าทำเช่นนี้ หลังจากนี้อยากจะเลี้ยงลูกเองเพราะตอนนี้มีงานทำแล้ว และไม่ได้มีสามีใหม่ ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้เอาน้องนุชไปเลี้ยงตั้งแต่แรกเพราะช่วงนั้นไม่มีงานทำ และกลัวว่าลูกจะลำบาก
นางไพรลดา กล่าวต่อว่า ด.ญ.เอ เป็นลูกสาวที่เกิดกับนายวัฒน์ชณิชา เส่งมา สามีเก่า โดยเลิกราตั้งแต่ลูกสาวอายุประมาณ 3 เดือน ช่วงนั้นจ้างคนเลี้ยงลูกจนลูกสาวอายุ 1 ขวบ สามีเก่าจึงมาเอาลูกส่งไปให้ปู่เลี้ยงที่ จ.สระบุรี หลังจากนั้นก็ไม่ได้พบหน้าลูกอีกเลย เพราะแรกๆ เวลาจะไปเยี่ยมลูกสามีเก่าก็บอกคล้ายกับปฏิเสธว่า ลูกสบายดีไม่ต้องไปเยี่ยมหรอก หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอสามีเก่าอีกเลย กระทั่งมาได้สามีใหม่และมีลูกด้วยกันอีกจนเลิกรากันไป
จากนั้นตนมา ได้สามีใหม่คนปัจจุบันและมีลูกชายด้วยอีกหนึ่งคน สามีอยู่ด้วยระยะหนึ่งก็เลิกรากันไปอีก ปัจจุบันตนอยู่กับลูกสองคนที่บ้านเช่าแห่งหนึ่ง ย่านตลิ่งชัน จนมาทราบข่าวรู้สึกตกใจ เสียใจมาก ไม่คาดว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้น
"ตนยินดีที่จะรับลูกสาวมาอยู่ด้วย แต่ขึ้นอยู่กับลูกว่าจะมาอยู่หรือไม่ ตนทำงานเป็น รปภ.ได้เงินเดือน 7,000 บาท และเพิ่งทำงานได้เพียง 1 เดือนเศษ" นางไพรลดา กล่าว
นายอิสสระ สมชัย รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า เรื่องนี้จะเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีพ่อของเด็กให้เร็วที่สุด โดยจะเข้ากระบวนการยุติธรรมตามกฎหมาย ตอนนี้แม่ของเด็กจะรับลูกไปเลี้ยงยังไม่ได้ เนื่องจากยังอยู่ในส่วนของพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ต้องให้เจ้าหน้าที่สหวิชาชีพเข้าไปดูแลโดยใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือน ต้องรอผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบสวนเสียก่อน ตอนนี้มีหลักฐานชัดเจนว่าพ่อทำร้ายลูกอย่างรุนแรง ผิดวิสัยของคนที่เป็นพ่อที่กระทำกับลูก ไม่ได้เป็นการตีสั่งสอนอย่างมีเหตุผล ตามกฎหมายถือว่าผิดชัดเจนเกินวิสัยพ่อกระทำต่อลูก เด็กต้องถูกคุมขังจนขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน ไม่รู้ว่าจิตใจของพ่อทำด้วยอะไร ตามประมวลกฎหมายอาญาสามารถดำเนินคดีได้เลย
"จากการสอบถามเด็กบอกว่าพ่อไปมีภรรยาใหม่ ภรรยาใหม่ของพ่อก็มีลูก 2 คน อายุ 8 ขวบและ 5 ขวบ แม่เลี้ยงบอกว่าเอาเด็กมาเลี้ยงเพื่อเอามารับใช้ ไม่ต้องการส่งเสียให้เรียนหนังสือ ตอนนี้ต้องเยียวยาสภาพจิตใจของเด็กก่อนเพราะอยู่ด้วยความหวาดระแวง" นายอิสสระ กล่าว