แม่ถึงกับช็อก เห็นสิ่งที่ลูกสาวทำในห้องน้ำ สุดท้ายกอดกันร่ำไห้ ฉุกคิดเรื่องหย่าสามี
แม่ตกใจเมื่อเห็นพฤติกรรมของลูกสาวผ่านช่องประตูห้องน้ำ หลังถูกพ่อดุด่าเรื่องการเรียน เพิ่งรู้สาเหตุที่ลูกมักสวมเสื้อแขนยาวเสมอ
เว็บไซต์ SOHA รายงานเรื่องราวของหญิงชาวเวียดนามรายหนึ่ง โดยสามีของเธอเรียนจบปริญญาโทและทำงานที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง เขาบอกว่าตนเองเก่งและประสบความสำเร็จ ลูก ๆ ก็ต้องเรียนดีเพื่อให้เขาภูมิใจ ดังนั้นเขาจึงบังคับให้ลูกทั้งสองเรียนเสริม เรียนพิเศษ ตั้งแต่ 5 ขวบจนถึงตอนนี้ เวลาทั้งวันของลูก ๆ นอกจากการกินและนอน ก็คือการเรียน การเล่นกลายเป็นสิ่งที่ห่างไกลสำหรับพวกเขา
เธอยังจำได้เมื่อลูกสาวเรียนชั้นประถมปีที่ 4 พอออกจากโรงเรียน เธอก็พาลูกไปเรียนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนพิเศษ ลูกถามว่าทำไมเพื่อน ๆ ถึงได้ไปห้าง ไปเที่ยว แต่ลูกมีแค่การเรียน เธอได้แต่อธิบายว่าการเรียนเป็นสิ่งที่ดี จะเป็นประโยชน์ในอนาคต แต่ลูกตอบอย่างเศร้าว่าตนแค่อยากไปเที่ยวบ้าง การเรียนมากทำให้รู้สึกเหนื่อยมาก
ในส่วนของตัวเธอเองนั้น หลังจากแต่งงาน เธอลาออกจากงานมาทำหน้าที่แม่บ้านเต็มเวลาและคอยดูแลลูก ๆ เพราะสามีมีความสามารถมากจึงมักมองดูถูกเธอ มักคิดว่าเธอรู้แค่เรื่องการทำอาหาร การบ้านการเรือนเท่านั้น ความดูถูกนี้แสดงออกมาอย่างชัดเจนด้วยการกระทำและคำพูด บางครั้งเขาต่อว่าเธอและตำหนิฉันต่อหน้าลูก ๆ ซึ่งลูก ๆ ต่างกลัวพ่อ รักแม่ แต่ไม่กล้าออกหน้าหรือปกป้องแม่
ปีนี้ลูกสาวของฉันเรียนชั้นมัธยมปีที่ 5 และลูกชายเรียนชั้นมัธยมปีที่ 1 ทั้งสองมีความห่างเหินกับพ่อ ไม่ค่อยพูดคุยหรือเล่าเรื่องราวกันมากนัก สามีของเธอนอกจากจะถามเกี่ยวกับการเรียนของเด็ก ๆ แล้ว ก็ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรอีก
และเมื่อผลการเรียนของลูก ๆ ไม่เป็นไปตามที่เขาต้องการ เขาก็จะดุด่าเสียงดัง ลูกต้องได้คะแนนเต็มในทุกวิชา ต้องอยู่ในอันดับต้น ๆ ของชั้นเรียนและติดอันดับ 10 ของโรงเรียน เขาถึงจะพอใจ ลูกสาวของเธอต้องแบกรับความกดดันจากพ่อมาก จึงมักจะนั่งเรียนตั้งแต่เช้าจนค่ำเป็นเรื่องปกติ
เมื่อเห็นลูกเขียนหนังสือไม่ระมัดระวัง ลบแล้วลบอีก สามีของเธอก็จะด่าลูก ๆ อย่างหนัก ลูกสาวจะเพียงแต่เงียบและทนทุกข์ ส่วนลูกชายจะร้องไห้สะอึกสะอื้นขณะเก็บหนังสือที่พ่อโยนทิ้ง หลังจากด่าลูก ๆ แล้ว เขาก็ออกไปดื่มเหล้า ลูกสาวพูดประโยคหนึ่งที่ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด "ทำไมแม่ไม่หย่าซะ? อยู่ด้วยกันแค่ 3 คนแม่ลูกยังดีกว่ามีเขาอยู่ด้วย" พูดแล้วลูกก็เดินเข้าห้องและปิดประตูแรง ๆ
คืนนั้นเมื่อเห็นห้องลูกสาวยังมีไฟเปิด เธอตั้งใจจะเอานมไปให้ แต่ไม่พบลูกอยู่ในห้อง เธอไปหาลูกจนเจอว่าห้องน้ำยังมีไฟเปิดอยู่ เมื่อมองผ่านช่องประตู เธอตกใจและตัวสั่นเมื่อเห็นลูกสาวใช้มีดโกนกรีดแขนของตัวเอง เลือดหยดลงพื้น แต่สีหน้าของลูกยังคงสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เธอล้มลงที่พื้น เมื่อได้ยินเสียง ลูกสาวรีบใส่เสื้อแขนยาวปิดแขนแล้วออกมาหา เมื่อเห็นเธอ ลูกสาวตกใจและร้องไห้ เธอและลูกสาวกอดกันและร้องไห้ หลังจากทำแผลและพันผ้าพันแผลให้ลูกทั้งน้ำตา ลูกสาวถามอีกครั้งว่าเธอสามารถพาลูก ๆ กลับไปอยู่กับตายายไหม เพื่อหนีห่างจากพ่อ เธอได้แต่นิ่งเงียบ ลูกสาวไม่พอใจและผลักมือเธอออกแล้วเดินกลับเข้าห้อง
เห็นลูกเป็นเช่นนี้ เธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก ตอนนี้เธอควรจะหย่าหรือไม่ เพื่อให้ลูกมีชีวิตที่ปกติ แต่เธอก็กลัวว่าจะเลี้ยงลูกทั้งสองไม่ได้ ถ้าเกิดพวกเขาต้องขาดแคลนอีกจะเป็นการทำร้ายพวกเขามากเกินไป