ตร.บางบัวทองดวลปืนสนั่นป้อมดับ1สาหัส1
ตำรวจ บางบัวทอง ฉุน เคลียร์เวรไม่ลงตัว ชักปืน ยิงเพื่อนตำรวจด้วยกัน คาป้อมไฟแดง แยกบางพลู ดับ 1 บาดเจ็บสาหัส 1 นาย ด้าน ผกก.สภ.บางบัวทอง สั่งออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมแจ้งข้อหา ตำรวจดวลปืน ในป้อมสี่แยกจราจรบางพลู
พ.ต.ท.สมชัย หัสกุล รอง ผกก. สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เปิดเผยว่า เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณ แยกบางพลู ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงกันเอง โดยเหตุการณ์เกิดขึ้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนาย ซึ่งเป็นคู่ผลัดเปลี่ยนเวรกัน ได้ทะเลาะเรื่องการเข้าเวร ที่ทั้งสองคนต้องผลัดเปลี่ยนกัน จนกระทั่งเคลียร์ปัญหาไม่ลงตัว ตำรวจทั้งสองนาย จึงชักอาวุธปืนประจำกาย ยิงปะทะใส่กันเองกว่า 10 นัด จนกระทั่งร่างตำรวจทั้งสองนาย ทรุดลงกับพื้น
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่กู้ภัย นำส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ทำการรักษา โดยตำรวจทั้งสองนาย มีอาการสาหัส หัวกระสุนฝังหน้าอก และจุดสำคัญหลายแห่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นท่ามกลางสายตาประชาชนที่สัญจรผ่านไปมา เนื่องจากบริเวณป้อมจราจรดังกล่าวเป็นสี่แยกใหญ่ มีรถสัญจรไปมาจำนวนมาก สร้างความตกใจให้กับประชาชน เนื่องจากผู้ก่อเหตุ ยังสวมเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจเต็มยศ
ทั้งนี้จากเหตุดังกล่าว ล่าสุด ส.ต.อ.สาวิทย์ เอียดนักขัน อายุ 37 ปี ได้เสียชีวิตลงแล้ว ส่วน จ.ส.ต.ถนอม ชุมแสง อายุ 37 ปี ยังรักษาตัวในห้องไอซียู ซึ่งแพทย์ได้เร่งผ่าตัดกระสุนที่ฝังใน ตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อช่วยชีวิต ส่วนสาเหตุการก่อเหตุนั้น เกิดจาก การทะเลาะเบาะแว้งกัน ระหว่างผู้ตาย และผู้บาดเจ็บ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการผลัดเปลี่ยนเวรสายตรวจ ที่ทั้งสองเป็นคู่ผลัดเปลี่ยนกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่
ด้าน พ.ต.อ.โสภณ พึ่งไชย ผกก. สภ.บางบัวทอง เปิดเผย ความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ยิงกันภายในป้อมจราจรสี่แยกบางพลู ว่า ล่าสุด ได้มีคำสั่งให้ จ.ส.ต.ถนอม ชุมแสง อายุ 37 ปี ให้ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา หลังจากก่อเหตุทะเลาวะวิาทเรื่องการเข้าเวร กับ จ.ส.ต.สาวิทย์ เอียดนักขัน อายุ 37 ปี ซึ่งเสียชีวิตแล้ว ทั้งนี้ ยืนยันว่า ทั้งคู่ เป็นเพื่อนตำรวจร่วมรุ่นเดียวกัน และมีความสนิทสนมอย่างมาก แต่เหตุที่เกิดขึ้นมาจากการตกลงเรื่องเวรไม่ลงตัว ทำให้มีปากเสียง ก่อนจะจบปัญหา ด้วยการชักอาวุธปืนประจำกายยิงใส่กัน ซึ่งหาก จ.ส.ต.สาวิทย์ ไม่เสียชีวิต ก็จะถูกแจ้งข้อหา และออกจากราชการไว้ก่อนเช่นกัน และยอมรับว่าปัญหาเรื่องเวรนั้น ได้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกนายได้ ดูแลเป็นอย่างดีแล้ว แต่เหตุที่เกิดขึ้น อาจมาจากเรื่องอารมณ์ร้อนของทั้งคู่ด้วย จึงเกิดเหตุดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บของ จ.ส.ต.ถนอม นั้น ล่าสุด พ้นขีดอันตรายแล้ว หลังแพทย์ทำการผ่าตัดในห้องไอซียู และต้องพักฟื้นรักษาตัวในห้องไอซียูสักระยะ