ภาพยนตร์ LGBTQ+ ไทย ก้าวสู่เวทีโลก ดันเศรษฐกิจสีชมพูบูม

งาน Thailand International LGBTQ+ Film & TV Festival 2024 จัดขึ้นที่ สยามพารากอน เมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา ไม่เพียงแค่เป็นการเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศ แต่ยังเป็นการประกาศศักดาของภาพยนตร์ LGBTQ+ ไทยในเวทีโลก และตอกย้ำบทบาทของกรุงเทพฯ ในการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสีชมพูของเอเชีย

ธนะชัย กุลสมบูรณ์สินธ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Canvas Ventures International ชี้ให้เห็นความสำเร็จของภาพยนตร์ไทยอย่าง "วิมานหนาม" ที่ไปไกลถึงเทศกาลหนังเมืองคานส์ อีกทั้งยังได้ไปฉายบน Netflix และ Amazon Prime เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นศักยภาพของภาพยนตร์ไทยที่สามารถเข้าถึงผู้ชมทั่วโลก

"ความสำเร็จของภาพยนตร์ LGBTQ+ นับเป็นโอกาสทองของกรุงเทพฯ ที่จะเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสีชมพู เนื่องจากสามารถดึงดูดนักลงทุนและผู้สร้างสรรค์ภาพยนตร์จากทั่วโลก" ธนะชัยกล่าว

ภาพยนตร์ LGBTQ+ ไทย ก้าวไกล โอกาสทางธุรกิจสดใส

นอกจากนี้ธนะชัย ยังยกตัวอย่างภาพยนตร์ LGBTQ+ ที่ประสบความสำเร็จอย่าง "เพื่อน..กูรักมึงว่ะ" หรือ "มะลิลา" ที่ได้รับการยอมรับในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ ได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลระดับโลก รวมถึงได้ถูกนำไปฉายบนแพลตฟอร์มชั้นนำระดับโลก สะท้อนถึงคุณภาพของคนทำหนังไทย 

ธนะชัย กล่าว่า ปัจุบันตลาดความบันเทิง LGBTQ+ ในเอเชียเอเชียมีมูลค่ากว่า 5.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และเติบโตขึ้น 7% ทุกปี ซึ่งพบว่าไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีตลาดที่โตเร็วที่สุด นับเป็นอีกหนึ่งโอกาสทองสำหรับนักลงทุน และคนทำภาพยนตร์

ด้านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Netflix และAmazon Prime ได้มีการลงทุนกว่า 100 ล้านเหรียญฯ ในคอนเทนต์ LGBTQ+ ของเอเชียในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นี่ถือเป็นอีกช่องทางสำคัญให้คนทำหนังไทยหารายได้และเข้าถึงผู้ชมทั่วโลก

ไทยสู่การผู้นำภาพยนตร์ LGBTQ+

ธนะชัย ระบุว่า หากต้องการให้ไทยเป็นผู้นำในการสร้างภาพยนตร์ภาพยนตร์ LGBTQ+ ต้องสร้างภาพยนตร์ที่มีคุณภาพ สร้างแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลก รวมถึงตอบโจทย์เทรนด์ในปัจจุบัน ดังนี้

• กระแส Woke: ภาพยนตร์ LGBTQ+ กำลังพูดถึงประเด็นสังคมมากขึ้น เช่น เรื่องราวของคนข้ามเพศ หรือกลุ่มคนที่เป็นชนกลุ่มน้อย ทำให้สามารถดึงดูดผู้ชมและนักลงทุนที่ใส่ใจประเด็นสังคม
• ตัวละครหลากมิติ: ภาพยนตร์ควรนำเสนอตัวละครที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ เพศสภาพ อายุ และภูมิหลัง เพื่อให้ผู้ชมเข้าถึงและเชื่อมโยงกับตัวละครได้มากขึ้น
• ร่วมมือกับต่างชาติ: การร่วมมือกับผู้สร้างจากต่างประเทศช่วยยกระดับหนังไทย และเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนความรู้และขยายเครือข่าย
• ใช้เทคโนโลยี: VR และ AR สามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับผู้ชม

กรุงเทพฯ สู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจสีชมพู

ธนะชัยมองว่า กรุงเทพฯ ต้องสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อธุรกิจและผู้ประกอบการ LGBTQ+ ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐและความร่วมมือกับต่างชาติ รวมถึงดึงดูดนักลงทุนที่มองเห็นโอกาสในตลาดบันเทิงที่กำลังเติบโต

เทศกาล LGBTQ+ Film & TV 2024 ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่แสดงให้เห็นพลังของภาพยนตร์ LGBTQ+ ไทย และธนะชัยระบุว่า ตั้งใจจะใช้ความสำเร็จนี้ในการดึงดูดนักลงทุนและสร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสีชมพูในเอเชียแปซิฟิก