ลูกสาววัย 20 ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ แม่เป็นมะเร็งปอด ต้นเหตุเดียวกันเพราะกิน "เมนูนี้"

ลูกสาววัย 20 ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ แม่เป็นมะเร็งปอด ต้นเหตุเดียวกันเพราะกิน "เมนูนี้"

ลูกสาววัย 20 ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ แม่เป็นมะเร็งปอด ต้นเหตุเดียวกันเพราะกิน "เมนูนี้"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ลูกสาววัย 20 ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ แม่เป็นมะเร็งปอด ต้นเหตุเดียวกันเพราะ "เมนูนี้" กินสัปดาห์ละ 3 ครั้ง

นักโภชนาการ สวี่ เฉียนเยว่ จากจีน แชร์เคสหญิงสาววัย 20 ปี คนหนึ่งที่เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่เข้ามาปรึกษา หลังจากสอบถามเกี่ยวกับประวัติการใช้ชีวิตของเธอ พบว่าครอบครัวของหญิงสาวนี้มักทานอาหารปิ้งย่างถึง 3 ครั้งต่อสัปดาห์

พวกเขามักย่างอาหารด้วยถ่าน และกินส่วนที่ไหม้เกรียมของอาหาร ซึ่งถูกผู้เชี่ยวชาญพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้หญิงสาวคนนี้เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้แม่ของเธอก็เป็นมะเร็งปอดแบบอะดีโนคาร์ซิโนมา ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าสาเหตุไม่ใช่เพียงแค่นิสัยการกินเท่านั้น แต่แม่ของเธอยังสูดควันถ่านจำนวนมากที่มีสารก่อมะเร็งในขณะที่ปิ้งย่างอาหาร

ตอนแรกทั้งแม่และลูกสาวไม่คิดว่าสาเหตุมาจากนิสัยการกิน พวกเขาคิดว่าน่าจะเป็นปัจจัยทางพันธุกรรมเนื่องจากทั้งแม่และลูกสาวป่วย และลูกสาวก็ป่วยทั้งที่ยังอายุน้อย

ผู้เชี่ยวชาญ สวี่ เฉียนเยว่ แนะนำว่าผู้คนไม่ควรกินอาหารที่ไหม้เกรียม ขณะเดียวกันเมื่อนำอาหารไปย่างบนถ่านที่มีอุณหภูมิสูง ทำให้เกิดไฟและควันได้ง่าย ซึ่งเป็นสาเหตุที่สร้างสาร เฮทเทอโรไซคลิก เอมีน (heterocyclic amines; HCAs) และสารอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนแบบหลายวงในอาหารปิ้งย่าง สารเหล่านี้สามารถทำให้เกิดการกลายพันธุ์ของยีนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง

งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการปิ้งย่างอาหารด้วยถ่านทำให้ไขมันหยดลงบนถ่านและเกิดการเผาไหม้สร้างโมเลกุลอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนแบบหลายวง ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกส่งไปยังตับและสร้างสารพิษ สารพิษเหล่านี้จะสะสมในลำไส้และทำให้เกิดมะเร็ง การปิ้งย่างบนถ่านยังสร้างก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ที่เป็นพิษต่อสุขภาพเมื่อสูดดม

7 หลักการดูแลสุขภาพและป้องกันมะเร็ง

  1. จำกัดอาหารแปรรูปและแป้งขัดสี จะช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งและควบคุมน้ำหนักได้ การรับประทานอาหารที่มีพื้นฐานจากพืช เช่น ผัก ถั่ว มันฝรั่ง และถั่วเปลือกแข็ง เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

  2. เพิ่มผักและผลไม้สดในทุกวัน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้บริโภคผักและผลไม้ 400-800 กรัมต่อวัน การรับประทานผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น บร็อคโคลี แครอท มะเขือเทศ และมะนาว สามารถลดความเสี่ยงต่อมะเร็งได้

  3. จำกัดการบริโภคเนื้อแดง การบริโภคเนื้อแดงควรจำกัดไม่เกิน 80 กรัมต่อวัน โดยเปลี่ยนมารับประทานปลา หรือเนื้อสัตว์ปีกแทน

  4. รักษาน้ำหนักให้เหมาะสมและออกกำลังกายสม่ำเสมอ การควบคุมน้ำหนักและการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง เช่น การเดินเร็ว หรือปั่นจักรยาน เป็นวิธีที่ดีในการลดความเสี่ยงต่อมะเร็ง

  5. งดการดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์เป็นที่รู้กันว่าสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งได้ ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเพื่อสุขภาพระยะยาว

  6. เลือกอาหารที่มีไขมันและเกลือต่ำ การใช้อาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น นมพร่องมันเนย และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีเกลือสูงจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคอ้วนและมะเร็ง

  7. เตรียมและเก็บรักษาอาหารอย่างถูกต้อง การเก็บอาหารสดในตู้เย็น และหลีกเลี่ยงอาหารที่ขึ้นรา จะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง

การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ในการรับประทานอาหารและการใช้ชีวิตสามารถลดความเสี่ยงต่อมะเร็งได้อย่างมีนัยสำคัญ และปกป้องสุขภาพในระยะยาว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook