เฉลิม ปฏิเสธไม่มีความแตกแยกพรรคร่วมฝ่ายค้าน
หวั่นรัฐบาลเสียงปริ่ม หากถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลต้องหารือพรรคร่วมด่วน เฉลิม ปฏิเสธไม่มีความแตกแยกพรรคร่วมฝ่ายค้าน หลัง หัวหน้าเพื่อแผ่นดิน ไม่ร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
(5ม.ค.) พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองปัจจุบันว่า ตนไม่คิดว่าความรุนแรงทางการเมืองจะเกิดขึ้นในขณะนี้ เพราะรัฐบาลเพิ่งแถลงนโยบาย ฝ่ายค้าน หรือ นปช. คงให้โอกาสรัฐบาลบริหารงานเพราะเขาเองก็เคยบริหารงานมาก่อนกระทั่งเปลี่ยนนายกฯมาถึง 2 ครั้ง และพรรคประชาธิปัตย์ได้ให้โอกาสในการบริหารมาแล้ว
"ปัญหาจะมีก็เพียงคะแนนเสียงของรัฐบาลที่ปริ่มอยู่ ดังนั้นจะทำอะไรแต่ละครั้งจึงเป็นเรื่องที่ลำบาก ตรงนี้รัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ต้องพิจารณาดูว่าจะทำอย่างไร เพราะคะแนนเสียงที่ปริ่มอย่างนี้ย่อมเป็นอันตราย"
เมื่อถามว่า บางคนมองว่าพรรคร่วมรัฐบาลคือตัวปัญหาของรัฐบาล พล.ต.สนั่น กล่าวว่า แน่นอน เพราะปัญหาย่อมเกิดจากภายในเอง ถึงได้บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องพิจารณาและวิเคราะห์ รวมทั้งการทำงานของพรรคร่วมด้วย
ต่อข้อถามว่า แสดงว่านายกฯต้องดูแลและเอาใจพรรคร่วมรัฐบาลดีเป็นพิเศษ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ต้องพิเศษหรอก เอาใจธรรมดาๆนี่แหละ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีความเป็นห่วงเสียงปริ่มน้ำของรัฐบาล และจำเป็นหรือไม่ที่พรรคร่วมรัฐบาลต้องหารือกับนายกฯเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การเลือกตั้งซ่อม เพื่อให้ได้ส.ส.มากขึ้น พล.ต.สนั่น กล่าวว่า เวลานี้ตัวใครตัวมัน พรรคใครพรรคมันไปดำเนินการเอาเอง ไม่มีการไปช่วยกัน ผลที่ออกมาจะมากกว่ากันก็นิดหน่อย ไม่ขาด ดังนั้นจึงไม่ใช่ตัวแปรที่สำคัญ แต่ตัวแปรที่สำคัญคือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือกรณีใดที่ต้องลงมติในสภา ซึ่งเป็นเรื่องที่หวาดหวั่นอยู่
เมื่อถามว่า แสดงว่าหากฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลก็จะเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ถึงเวลานั้นรัฐบาลต้องหารือกันว่าจะทำอย่างไร แต่ละพรรคจะควบคุมดูแลกันภายในพรรคอย่างไร
เมื่อถึงถึงกรณีที่พรรคชาติไทยพัฒนาตกเป็นเป้าการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ซึ่งสังกัดพรรคไม่ครบ 90 วัน พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ผู้สมัครพรรคชาติไทยพัฒนาที่จ.อุทัยธานี คุณสมบัติไม่ครบไปแล้ว ซึ่งทางพรรคจะต้องอุทธรณ์ ฎีกากันต่อไป ส่วนที่ยังไม่ครบอีกคือ นครปฐม สิงห์บุรี ปทุมธานี ซึ่งส่วนนั้นพรรคประชาธิปัตย์ได้ส่งลงแทนไปแล้ว แต่นอกนั้นที่ถูกร้องเรียนนั้นกกต.รับรองหมดแล้ว ซึ่งยอมรับว่ากระทบต่อตัวเลขส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา แต่จะลามมาถึงเก้าอี้รัฐมนตรีของพรรคหรือไม่คงต้องแล้วแต่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลว่าจะคิดอย่างไร แต่อัตราส่วนยังเชื่อว่าอยู่ที่ 20 เสียง ซึ่งจะพอดีๆกับอัตราส่วนรัฐมนตรี แต่ถ้าจะปลดขอให้ปลดรองนายกรัฐมนตรีก่อนก็แล้วกัน
เฉลิม ปฏิเสธไม่มีความแตกแยกพรรคร่วมฝ่ายค้าน
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลวันนี้ ที่ โรงแรมมิราเคิล ซึ่ง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ไม่ได้เดินทางมาร่วมการอภิปราย ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ส่งสัญญาณอะไร ไม่ใช่เรื่องความแตกแยก ซึ่งพรรคฝ่ายค้านสามารถจะต่างคิดต่างทำได้ เพราะมีเสียง ส.ส. อยู่ประมาณ 200 เสียง ขณะที่พรรคเพื่อไทย มีจำนวน 180 เสียงแล้ว และสำหรับ พล.ต.อ.ประชา ไม่เคยบอกว่าจะมา และไม่เคยว่าจะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เพราะลูกพรรคส่วนหนึ่งเข้าร่วมรัฐบาลอยู่
เมื่อถามว่า พอใจกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม หัวเราะพร้อมกับกล่าวว่าเรื่องนี้ต้องถามคนฟัง แต่บรรยากาศถือว่าคึกคัก ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวปฏิเสธถึงความเป็นห่วงเรื่องเสียง ส.ส. ฝ่ายค้านที่อาจจะถูกดูดไปร่วมรัฐบาลอีก ภายหลัง พล.ต.สนั่น ขจรประสาสน์ รองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ส่งสัญญาณให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ดูแลเอาใจใส่พรรคร่วมรัฐบาล และควรเพิ่มเสียง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลให้ได้อีก ประมาณ 20- 30 เสียง ว่า เรื่องเสียง ส.ส. ต้องรอดูความชัดเจนอีกครั้งหลังการเลือกตั้งซ่อม วันที่ 11 ม.ค. ซึ่งส่วนตัวหวังว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เสียงเพิ่ม 8-12 เสียง และยังต้องฟังผลการตัดสินคดีเลือกตั้งของศาลฎีกา เรื่องการเข้าสังกัดพรรคครบ 90 วันตามกฎหมายหรือไม่ของ ส.ส.อุทัยธานี พรรคหนึ่งด้วย ซึ่งจะส่งผลให้เสียง ส.ส. หายไปอีก
อย่างไรก็ดี ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวยอมรับด้วยว่า เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ได้ติดต่อพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สบายดี ส่วนเรื่องการเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้นไม่ได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งกรณีที่รัฐบาลจะติดต่อเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ
ส่วนกรณีที่มีข่าว นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถูกขู่ลอบทำร้าย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่กล้าแสดงความคิดเห็น แต่คนอย่างนายอภิสิทธิ์ ไม่มีอะไรเลวร้ายที่น่าจะมีใครไปฆ่า เพราะยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีบริหารบ้านเมืองแล้วเข้าไปขัดขวางผลประโยชน์ทางการเมืองและทรัพย์สิน แล้วถ้ามีข่าวออกมา ก็น่าจะรับฟังได้ แต่อย่างไรก็ดีที่ผ่านมาผลสำรวจ (โพลล์) ออกมาแล้วว่าประชาชน กทม. ไม่เชื่อเรื่องดังกล่าว ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าจะมีการแต่งตั้งนายนาม ยิ้มแย้ม อดีตประธาน คตส. เป็นที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม นั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้นำมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะยังไม่มีเหตุถึงขนาดนั้น และเวลานี้ยังไม่รู้ว่ามีการแต่งตั้งจริงหรือไม่ ถ้าแต่งตั้งแล้วตนจะวิจารณ์อีกครั้งว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมหรือไม่
เพื่อนเนวินเลื่อนหารือย้ายสังกัดพรรคอ้างติดเลือกตั้งซ่อม
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช . มหาดไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีการเข้าสังกัดพรรคของส . ส . กลุ่มเพื่อนเนวิน หัวหน้าพรรค ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าสมาชิกในกลุ่มจะไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย และจะให้นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว . มหาดไทย มาเป็นหัวหน้าพรรคฯ ว่า เดิมสมาชิกนัดหารือกันหลังปีใหม่ แต่ปรากฏว่าเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าในสัปดาห์นี้อยู่ในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งซ่อม และสมาชิกบางคนต้องลงพื้นที่เพื่อช่วยผู้สมัครหาเสียง จึงได้นัดหมายกันอีกครั้งหลังจากวันที่ 11 ม.ค. เพราะเห็นว่ายังมีเวลา และสมาชิกก็คงตัดสินใจแล้วว่าจะไปสังกัดกับพรรคใด จึงคิดว่าถ้าจะล่าช้าไปบ้างก็คงไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร
กษิต โบ้ยตอบทุกคำถามชิ่งหนีนักข่าว
เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่พยามถามถึงกรณีที่ตกเป็นเป้าของฝ่ายค้านหากจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยกล่าวเพียงสั้นๆว่า "ให้ไปถามโฆษก" ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยและมีท่าทีที่งุนงงต่อคำถามดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง เพื่อขอให้ดูแลรักษาความปลอดภัยสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ นายกษิตก็ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าวด้วยเช่นกัน โดยกล่าวเพียงสั้นๆอีกว่า "ให้ไปถามรองฯสุเทพ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกษิตพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในทุกคำถามแม้ว่าเรื่องที่ถูกถามนั้นเกี่ยวข้องและพาดพิงถึงตัวเอง และเป็นงานในความรับผิดชอบดูแลของตัวเองทั้งสิ้น โดยนอกจากจะไม่ตอบคำถามแล้วยังเลี่ยงโดยรีบเดินขึ้นรถ ปิดประตู ออกจากทำเนียบไปในทันที