พ่อค้าซาลาเปาแทบช็อก อยู่ดีๆ มีชื่อเป็น "ประธานบริษัท" เจอธนาคารทวงหนี้ 2 ล้าน

พ่อค้าซาลาเปาแทบช็อก อยู่ดีๆ มีชื่อเป็น "ประธานบริษัท" เจอธนาคารทวงหนี้ 2 ล้าน

พ่อค้าซาลาเปาแทบช็อก อยู่ดีๆ มีชื่อเป็น "ประธานบริษัท" เจอธนาคารทวงหนี้ 2 ล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พ่อค้าซาลาเปาแทบช็อก อยู่ดีๆ มีชื่อเป็น "ประธานบริษัท" แบกรับหนี้ 2 ล้าน สืบไปสืบมาคนร้ายใกล้ตัวสุดๆ

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 19 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชาวบ้านจังหวัดระยอง ประกอบอาชีพขับรถซาพ่วงข้างขายซาลาเปาในพื้นที่ ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง จู่ ๆ มีจดหมายทวงหนี้ยอดเงิน 2 ล้านกว่าบาท จากธนาคารแห่งหนึ่ง

ทีมข่าวลงพื้นที่เพื่อพบกับ นายชุมพล  อายุ 60 ปี พ่อค้าขายซาลาเปาเพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น นายชุมพล เล่าว่าปัจจุบันตนเองมีอาชีพเร่ขายซาลาเปาโดยใช้รถสามล้อคู่ใจในการเดินทาง ขายเพียงลูกละ 5 บาท 10 บาท จู่ ๆ เดือน กรกฏาคม 2566 มีจดหมายจากธนาคารมาถึงบ้านว่าเป็นหนี้ 2,559,041.16 บาท

ตอนแรกตนเองตกใจมากคิดเพียงว่ามันเกิดเรื่องขึ้นได้อย่างไร จนสืบไปสืบมาจับต้นชนปลายจนรู้ความจริงว่า เรื่องที่เกิดขึ้น น้องชายแท้ ๆ ของตนเองได้มายืมบัตรประชาชนไปทำเรื่องซื้ออะไหล่รถแต่สุดท้ายเอาชื่อตนเอง ปลอมลายเซ็น ไปเปิดบริษัท ทำเรื่องกู้เงิน แล้วไม่ใช้หนี้ธนาคารจนทางธนาคารมาทวงหนี้กับตน ตนเองได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับน้องชายไว้ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. 67 ณ ปัจจุบันคดีก็ยังไม่คืบหน้าทางธนาคารก็ยังทวงหนี้มาอยู่

นายชุมพล ยังเล่าเพิ่มเติมว่าตนเองยังถูก DSI เรียกไปสอบปากคำเพราะ DSI ตรวจพบความผิดปกติทางการเงินของบริษัทที่น้องชายเอาชื่อตนเองไปเปิด ตนเองได้ไปพบ DSI มาแล้ว และบอกว่าตนเองมีอาชีพขายซาลาเปา ไม่ได้เปิดบริษัท ซึ่งตอนนี้ DSI กำลังสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่

นายชุมพลกล่าวทิ้งท้ายว่า สงสัยการปล่อยสินเชื่อของธนาคารว่าปล่อยให้กู้เงินไปได้อย่างไร ยอดเงินเยอะขนาดนี้ จะไม่ลงพื้นที่มาตรวจสอบข้อมูลเลยหรือว่าชื่อคนกู้กับอาชีพที่ทำอยู่ตรงกันหรือเปล่า เพราะตนเองเชื่อว่า อาชีพขายซาลาเปาไม่มีทางกู้เงินได้ขนาดนี้แน่นอน สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น นายชุมพล ขอเพียงได้รับความเป็นธรรมว่าตนเองไม่ได้เป็นคนกู้เงิน ไม่ได้มีส่วนรู้เห็น ที่มีชื่อไปปรากฎเป็นประธานบริษัท จึงอยากขอวิงวอนให้ทางธนาคารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย 

ล่าสุด ธนาคารเพื่อการส่งออก และนำเข้าแห่งประเทศเทศ (EXIM BANK) ออกมาชี้แจงถึงกรณีที่ผู้ประกอบการธุรกิจส่วนตัวรายหนึ่งได้รับการติดตามหนี้จากธนาคาร โดยธนาคารมีเจตนารมณ์และภารกิจการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในวงจรการค้าระหว่างประเทศให้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้แม้ในภาวะความยากลำบากจากสถานการณ์โควิด-19 และมุ่งมั่นทำงานร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อยุติที่สอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคม และพร้อมที่จะหาทางออกร่วมกันอย่างเป็นธรรมภายใต้กรอบกฎหมายต่อไป
357131

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook