ปลุกตำนาน นางนาก "ทราย เจริญปุระ" ย้อนเล่าเหตุการณ์ในกองถ่าย เบื้องหลังชวนขนลุก

ปลุกตำนาน นางนาก "ทราย เจริญปุระ" ย้อนเล่าเหตุการณ์ในกองถ่าย เบื้องหลังชวนขนลุก

ปลุกตำนาน นางนาก "ทราย เจริญปุระ" ย้อนเล่าเหตุการณ์ในกองถ่าย เบื้องหลังชวนขนลุก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทราย เจริญปุระ นางเอก 100 ล้านคนแรกของไทย! เปิดใจเล่าชีวิตในรายการ ขมคอ Story Podcast EP.17 ทั้งเรื่องลี้ลับอาถรรพ์สุดเฮี้ยนจากกองถ่ายภาพยนตร์ นางนาก และเรื่องขมๆ ของ ชีวิตเดอะแบก ที่หลุดได้เพราะคำว่า "ช่างแม่ง"

ภาพยนตร์เรื่องแรก นางนาก 25 ปี ตำนานหนัง 100 ล้าน ?
นางนาก คือภาพยนตร์เรื่องแรก เรื่องนี้แคสนางเอกมาเป็น 100 แต่ไม่ได้ ทางแคสติ้งติดต่อมาทางแม่ ก็ไปแคส ตอนนั้นได้เจอ พี่เมฆ วินัย มาแคสวันเดียวกัน ยังอวยพรให้โชคดี เราก็ไปแคสจบไม่นานเท่าไหร่ ก็ตอบกลับมาว่าได้ ก็ไปถ่ายตามปกติ

แคสนางเอกเป็น 100 ทำไมถึงเป็น ทราย เจริญปุระ ?
เราก็งงว่ามันวนมาถึงได้ไง รวมถึงพี่เมฆด้วย พี่อุ๋ยก็บอกว่าวันนั้นแคสไปหลายคน จนมาถึงเรา แล้วหลังเราก็มีคนมาแคสต่ออีก ทีมงานเช็คเทป คนก่อนหน้ามีภาพไม่มีเสียง พอมาถึงคิวเราภาพและเสียงปกติ แล้วคนหลังเรามีเสียงไม่มีภาพ คือความที่ถ่ายเยอะมาก พี่อุ๋ยเลยพูดว่า ย่านากอยากได้คนไหนให้เลือกเลย

แล้วพี่อุ๋ยแกฝันเห็นผู้หญิงสูงๆ แต่ใจผู้กำกับอยากได้แบบหญิงไทยสันทัด แต่พี่อุ๋ยฝันเห็นคนผอมสูงโบราณ พอมาเช็คเทปแล้วเจอแบบนั้นอีก ก็เลยคิดว่าย่าเลือกมาแล้ว พระเอกตอนแรกก็ไม่ใช่พี่เมฆ เป็นอีกคนนึง คือ พี่หนึ่ง ชลัฎ ณ สงขลา คือไปเทสฟิล์มกันเรียบร้อย พี่หนึ่งคือตรงสเปคที่ตั้งไว้หมดทุกอย่าง อายุไล่เลี่ยกัน อยู่เกณฑ์ทหาร แต่สุดท้ายก็เลือกพี่เมฆ

ทราย เจริญปุระทราย เจริญปุระ

บรรยากาศกองถ่ายภาพยนตร์ เรื่อง นางนาก ?
ปกติ เวิร์กชอป 4 เดือน ต้องฝึก เจียนหมาก ปอกเป็นคำๆ ฝึกถอดรองเท้าเดินให้ชิน กับดินกับไม้ ให้เดินกับพื้นจริงๆ หัดนุ่งผ้าเองให้มันคุ้น และชิน เราต้องแต่งให้ได้ ถ่ายทำประมาณ 4 เดือน ถ่ายไปฉากก็อยู่คน 2 เคยคุยกับพี่เมฆว่า 'ใครจะมาดูเรา' แต่เราก็ทำกันเต็มที่ เรามั่นใจพี่อุ๋ย ซึ่งตอนนั้นนักวิจารณ์หนังด่ายับ พี่อุ๋ยจะเอาชื่อเสียงมาทิ้งกับเรื่องนึ้ เราก็ทำงานแบบคนไม่ได้เชื่อว่าจะดัง

จนวันแรกที่ตัวอย่างหนังเข้าก็เริ่มมีคนมาถามนางนาก มีฉากห้อยหัว ฉากพีคมาก น่ากลัวมาก นี่คือ แม่นากเหรอ ก็เริ่มมีกระแสที่ดีขึ้น ทุกคนตื่นเต้นกับการตีความแบบใหม่ จนพอมาวันฉาย พี่อุ๋ยก็โทรมาบอกว่าโรงหนังขอเพิ่มก็อปปี้หนัง ทางต่างจังหวัดขอก็อปปึ้ กระแสมาแรงมีการเพิ่มรอบ ถึงตี 3 มีเก้าอี้เสริม ไม่มีเก้าอี้ก็ไม่เป็นไรยืนดู ซึ่งเราดูแล้วแบบพลิกชีวิตจริงๆ มีการเคาท์ดาวน์รายได้หนัง คือตอนนั้นทุนก็ไม่ได้เยอะมาก ก็ไม่ได้คาดหวัง เอาว่าไม่ให้น่าเกลียด ไม่ให้นายทุนเจ็บตัว แต่ในเวลาเร็วมากไม่ถึงเดือน ขึ้นมาเท่า 2499 จนเลยไปอีก จนเป็นปรากฏการณ์ ทะลุ 100 ล้าน

เลิฟซีนที่ตราตรึงไม่ได้กอดจูบ แต่ส่งหมากให้กัน ?
เขิน คิดว่าพี่เมฆจะกินจริงๆ เหรอ เกรงใจพึ่เมฆ ที่ต้องเคี้ยวหมากต่อจากเรา ถ่ายยาวโดยไม่มีการคัท ต้องรับแล้วกินเลย คิดว่าถ้าพี่ไหวเราก็ไหว แต่พี่เมฆ เขาโอเคมากๆ เพราะพี่อุ๋ยคิดมาละ ที่เคี้ยวในหนังไม่ใช่หมากจริง ถ้าหมากจริง ถ้าหมากจริงจะมึนเหมือนกินเหล้า ฟันที่เล่นก็จะเป็นสีแดงเข้ม สมัยนั้นไม่นิยมฟันขาว ยุคนั้นคนเก๋ต้องต้องกินหมากฟันดำ ต้องทำครอบฟันแบบบางทาสีแดงเข้มใส่กันทุกวัน เคี้ยวดอกคำฝอยแห้งแทนหมาก คนก็ไม่รู้ว่าไม่ใช่หมากจริงๆ

ฉากหวาดเสียว โกนหนวดพี่มากแบบโบราณ ?
โกนไม่เป็น ไม่เคยโกน มีดโกนเป็นแบบโบราณซึ่งคมมาก กดดันทำไม่ได้ เพราะมีดเขาลับมาคมมาก แต่พี่อุ๋ยอยากได้ ตอนโกนเราก็มองพี่เมฆให้ช่วย แต่ก็บอกได้ไม่เป็นไร พยามโกนหลอกแต่โดนสั่งคัท ประมาณ 2 เทคถึงผ่าน

เบื้องหลังฉากห้อยหัว เล่นจริงห้อยจริงฟังแล้วขนลุก ?
สูงประมาณ 3 ชั้น เป็นหอฉันท์เก่าที่วัดกำลังรื้อทิ้ง เพื่อจะบูรณะ คือเขาไม่ใช้แล้ว แต่มันยังสวยมาก ไปถึงรอเข้าฉากห้อยหัวจนดึกยังไม่เรียก ก็แต่งตังรอ ถ่ายไม่ได้เพราะเสาตกน้ำมัน แล้วก็ไม่มีใครบอกเรา เพราะไม่อยากให้เรากลัว ทีมงานพยายามเช็ดแต่ไม่แห้ง แต่สุดท้ายแม่ก็มาบอกว่าเป็นแบบนี้นะ เราโอเคมั้ย

ตอนนั้นเราพกธูปไว้ที่รถ เราจุดธูป 2 ดอก บอกย่านากทุกครั้งก่อนถ่ายกับลูกย่านาก ขอให้ถ่ายได้ ก็แห้ง ถ่ายได้ เกือบเที่ยงคืน ฉากห้อยหัวใช้เวลานานมาก เพราะต้องตัวนิ่งไม่ให้ตัวมันแกว่ง ห้อยหัวนานจนเส้นเลือดตาแตกแดง ลำบากทุกฉากทุก คนเหนื่อยไปด้วยกัน ไม่มีใครทิ้งกัน พี่เมฆต้องไปอาบน้ำที่หนูตาย ฉากนี้ไปเอาหนูจริงมาเข้าฉาก ถ่ายหนังจบ ทีมงานผู้กำกับบวชหมด ทุกอย่างมีรายละเอียดแต่ภาพที่ได้มาก็คุ้ม บททุกอย่างที่เราเล่นส่วนใหญ่จะไม่ซ้ำ

ทราย เจริญปุระทราย เจริญปุระ

จาก นางนาก สู่เจ้าหญิงภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ?
คือตอนนั้นท่านทำสุริโยทัยไปแล้ว พ่อก็เล่นหนังท่านมาแล้ว ท่านก็เลยให้เรามาเล่น คิวเราก็ได้ แต่ตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าจะสร้างหลายภาค สิ่งที่คิดคือเป็นเจ้าหญิงออกมานิดหน่อย เราก็คิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะปฏิเสธ ก็ไป ฟิตติ้ง นักแสดงไปรวมตัวกันทำความคุ้นเคย กันที่ค่ายสุรสีห์ ให้เราไปเลือกม้าขี่ม้า บทที่ออกมา เป็นเจ้าหญิงนักรบ คิดว่าถ่ายไม่นาน แต่เป็น 10 ปี มีงอแงกับท่านบ้าง เพราะเรารบทุกวัน ทุกเช้าตื่นมาต้องสวัสดีพี่ทหารพม่า

ระหว่างถ่ายทำ ผู้กำกับภาพยนตร์นาคปรก ติดต่อมา ?
มีบทอยากให้เราเล่นแต่ไม่ได้เป็นตัวเมน เป็นผู้หญิงหากิน เราก็ตกลง รับบททันที เพราะเบื่อบทที่เล่นอยู่ ถ่ายทีเดียวรวดเดียวจบ ท่านมุ้ยก็น้อยใจที่ไปเล่นนาคปรก เราไม่ได้อยากได้รางวัล แต่กลัวลืมสกิลการแสดง เพราะมันn3 ปีแล้ว ถ้านาคปรกได้รางวัลก็ไม่ไปรับ ไม่ได้ไปเล่นเพราะอยากได้รางวัล สรุปได้รางวัลแทบทุกรางวัลจริงๆ ซึ่งเราก็ไม่ได้ไปรับรางวัล รับปากท่านไว้แล้ว

เทคนิคเข้าถึง บทบาทการแสดง ?
คิดว่าอาชีพนักแสดงเป็นการระเบิดจินตนาการ ก็จะดูบทและถามผู้กำกับว่า อยากให้ตัวละครตัวนี้รับมือกับเหตุการณ์ในแบบไหน ใช้ชีวิตปกติไม่พยายาม อยู่ในตัวละครรับผิดชอบที่เล่น แสดงบทบาทตามที่ผู้กำกับอยากได้

เรื่องขมในชีวิต ทราย เจริญปุระ ตลอดอาชีพการเป็นนักแสดง ?
ป่วยเป็นซึมเศร้าอยู่นานมาก มันเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเรากับแม่ กับลูกสาวคนโต คือแม่เป็นซึมเศร้าตอนเราเด็ก ด้วยจากเป็นภาวะซึมเศร้าหลังคลอด มันเป็นยุค 40 ปีที่แล้ว ภาวะอันนี้ไม่ได้รับการจัดการ เราโต 4-5 ขวบ ก็จะรู้ว่าแม่เขาป่วย เวลาไปหาหมอรับยาเราก็จะไปด้วย ก็จะรู้ มีอาการโรคที่เป็นแบบนี้อยู่ พยายามถนอมเขา ไม่ขัดใจ ตอนไปทำงานพ่อยื่นข้อเสนอไปทำงานได้แต่ต้องเอาแม่ไปด้วย ตอนนั้นเราเด็กมาก ก็ต้องไปกับแม่ตัวติดกันตลอด 24 ชั่วโมง รู้สึกว่าเหมือนทำเขาลำบาก

มันก็เป็นความสะสม พอขึ้นรถมาหลับ แม่พูดประชด เราก็พยามชวนคุย พอเราชวนคุยแม่ก็ดุ บอกให้เงียบ อยู่ในภาวะอย่างนี้ตลอดเวลา สรุปคือเราไม่รู้ว่าเราต้องการอะไรเป็นของตัวเองบ้าง ชีวิตเราตอนนั้นอยู่บนความพอใจของแม่ พอแม่อายุเยอะขึ้นจากซึมเศร้าสู่สมองเสื่อม ก็จะยิ่งหนักกว่าเดิม แม่จะย้ำคิดย้ำทำลืมว่าต้องทำอะไร เราทำงานต้องมีสติตลอดเวลา มันคืออนาคตในวงการของเรา ทุกอย่างมันยากจนทำให้เรานอนไม่หลับ เคยระบายกับคนอื่น บอกยังไงก็แม่ พูดกับใครไม่ได้ คิดก็กลัวบาป พ่อเราก็เสียไปแล้ว เหมือนก็ปรับทุกข์ได้ตอนพ่ออยู่ ทุกอย่างมันก็พังทลายลง สุดท้ายต้องพบจิตแพทย์ ยอมรับปัญหา หมอบอกตามใจแม่จนทุกอย่างมันสะสม มีปัญหาต้องหัดขอความช่วยเหลือ ซึ่งเรามีน้องชาย เราก็เกรงใจน้อง ซึ่งเขาก็รอเราพูด เขายินดีจะช่วย เราไม่อยากให้แม่โกรธแล้วไปลงกับน้องไม่อยากให้บรรยากาศมันเสีย จนกลายเป็นเดอะแบกครอบครัว

อยากบอกอะไร กับคนที่เป็นเดอะแบกของบ้าน ?
ให้หาเวลาให้ตัวเองบ้าง เราไม่อยู่ไม่มีใครตาย อย่ารู้สึกผิด ถ้าจะออกไปใช้ชีวิต มันก็จะยืดระยะเวลาชีวิต ได้อีกเยอะ สุขภาพจิตดีขึ้นด้วย อะไรที่ไม่ใช่ปัญหาของเรา ส่งคืนไป ปัญหาเราไม่ได้ก่อ แต่ทำไมต้องมาคอยแก้ ญาติมักจะเล่นกับจริยธรรมในใจ เราทำเท่าที่ทำได้

เรื่องที่ใจฟู โดนตกเป็นทาสแมว ?
ชอบแมวมาตั้งแต่เด็ก แม่ไม่ชอบ แต่ก็เข้าใจว่าเขาเป็นคนเลี้ยง จนวันหนึ่งแม่ป่วยติดเตียง กลับเข้ามาบ้านบ้านมันเงียบมาก มันแล้งมันแห้ง เหมือนบ้านมีไว้เอาไว้นอนเฉยๆ ทำไมมันเศร้าจัง หมอบอกว่าคนเป็นซึมเศร้าอย่านอนจมเตียง พยายามลุกมาหาทำให้เหนื่อย เลยรับแมวมาเลี้ยง ก็เลยไปเจอตัวนี้ ดูโหงวเฮ้งมันดี ชื่อโมคะลานะ เราเรียกน้อง หนิม อยู่ด้วยกันมา 6 ปีแล้ว ช่วงป่วย ช่วยได้เยอะ ก่อนหยุดยาซึมเศร้า ช่วงก่อนจะหยุดยา จะมีปัญหาเรื่องการนอนจะฝันร้ายตื่น ก็มีเขาเป็นเพื่อน ช่วงเวลาที่แชร์กับแมวมันเป็นช่วงเวลาที่ดี ก็ยังไม่คิดที่จะมีตัวอื่นเพิ่ม

อัลบั้มภาพ 17 ภาพ

อัลบั้มภาพ 17 ภาพ ของ ปลุกตำนาน นางนาก "ทราย เจริญปุระ" ย้อนเล่าเหตุการณ์ในกองถ่าย เบื้องหลังชวนขนลุก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook