อึ้ง! รถบัสทัศนศึกษาที่ไฟไหม้ ขออนุญาตติดถังก๊าซแค่ 6 ถัง แต่ติดตั้งจริง 11 ถัง

อึ้ง! รถบัสทัศนศึกษาที่ไฟไหม้ ขออนุญาตติดถังก๊าซแค่ 6 ถัง แต่ติดตั้งจริง 11 ถัง

อึ้ง! รถบัสทัศนศึกษาที่ไฟไหม้ ขออนุญาตติดถังก๊าซแค่ 6 ถัง แต่ติดตั้งจริง 11 ถัง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กรมการขนส่ง รับ บริษัทรถคันเกิดเหตุขออนุญาตติดตั้งถังก๊าซ 6 ถัง แต่ในรถพบถังก๊าซ 11 ถัง เร่งตรวจสอบหาที่มา ด้าน รรท.ผบ.ตร. ยัน คนขับมีความผิดฐานประมาท รู้ว่ารถมีปัญหาแต่ฝืนขับต่อ ส่งผลสูญเสีย 23 ชีวิต

พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ แถลงความคืบหน้ากรณีรถบัสทัศนศึกษาของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดอุทัยธานีเกิดเพลิงไหม้ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตที่มีทั้งครูและเด็กรวม 23 คน บาดเจ็บสาหัส 3 คน และรอดชีวิต 19 คน โดยก่อนการแถลงข่าว พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ ได้ขอความร่วมมือสื่อมวลชน ยืนสงบนิ่งไว้อาลัย เพื่อแสดงออกถึงความเสียใจกับเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเวลา 1 นาที

เมื่อคืนหลังจากนายสมาน คนขับรถ เข้ามอบตัวที่ สภ.วิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ก่อนที่จะนำตัวมาดำเนินคดีที่ สภ.คูคต จังหวัดปทุมธานี และขณะนี้ยังอยู่ในการควบคุมของตำรวจ โดยนายสมานให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน ถึงองค์ประกอบความผิด รวมทั้งยังต้องสอบสวน และพิจารณาถึงความผิดของผู้ประกอบการด้วย

โดยเมื่อวานนี้หลังเกิดเหตุ พยานในที่เกิดเหตุ ระบุว่า ได้ยินเสียงเหมือนยางล้อหน้าระเบิด จนทำให้รถเสียหลัก ชนกับรถที่ขับอยู่บริเวณนั้น ก่อนจะได้ไปชนแบริเออร์ ซึ่งจากการสอบปากคำ นายสมาน อ้างว่า ได้ยินเสียงลูกสูบของรถดัง แต่ไม่ได้จอดดู และขับรถต่อ จนรถเสียหลักดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า คนขับรู้อยู่แล้วว่ารถมีปัญหา แต่ไม่หยุดรถ อพยพผู้โดยสาร และ ตรวจสอบสภาพรถ จึงแสดงให้เห็นถึงความประมาทเลินเล่อที่ก่อให้เกิดความสูญเสียร้ายแรง

ส่วนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ต้องการความชัดเจนต้องรอ ต้องการตรวจพิสูจน์หลักฐานจากผู้เชี่ยวชาญก่อน แต่เบื้องต้นสันนิษฐานสาเหตุได้ว่า เกิดจากอุปกรณ์ส่วนควบบกพร่อง จนเกิดประกายไฟ จนเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้

ส่วนการตรวจรถบัสคันเกิดเหตุ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก ดำเนินการตรวจสภาพรถเรียบร้อยแล้ว แต่ยังต้องเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุเพิ่ม เช่น รอยล้อรถ และพยานหลักฐานอื่นอีกหลายอย่าง เพื่อประกอบในสำนวน โดยเฉพาะ GPS ของรถคันดังกล่าวว่า ขณะที่เกิดเหตุใช้ความเร็วเท่าไหร่

ส่วนการพิสูจน์อัตลักษณ์ของผู้เสียชีวิต ขณะนี้ยืนยันได้แล้ว 23 ราย แต่เก็บดีเอ็นเอมาเทียบเคียงได้ 22 รายแล้ว ส่วนอีก 1 รายอยู่ระหว่างการรอครอบครัว มาเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอมาเทียบเคียง ซึ่งในวันนี้จะนำส่งร่าง ผู้เสียชีวิตทั้ง 22 ราย ไปยังจังหวัดอุทัยธานี โดย 1 ศพ จะใช้รถ 2 คัน แบ่งเป็น รถของมูลนิธิบรรจุร่างผู้เสียชีวิต และรถฉุกเฉิน สำหรับครอบครัว จัดเป็น 3-4 ขบวน โดยมีมีรถตำรวจนำทาง และปิดทาง ซึ่งเมื่อถึงที่จังหวัดอุทัยธานี จะมีผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี รอรับ ก่อนจะส่งต่อ ร่างผู้เสียชีวิตให้กับครอบครัว ไปบำเพ็ญกุศล ทั้งนี้ระหว่างที่ผ่านจุดเกิดเหตุ จะหยุดรถให้ครอบครัว ได้ทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณด้วย

นายเอกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่ารถคันดังกล่าวตรวจสอบจดทะเบียน กลับกรมการขนส่งทางบกเมื่อปี 2513 โดยมีการจดทะเบียนใหม่อีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2541 ที่มีการดำเนินการตามขั้นตอนของโครงการขนส่งทางบก มีการรับรองโดยวิศวกร ส่วนรายละเอียดว่าระหว่างทางว่ารถคันดังกล่าวมีการจดทะเบียนหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีการจดทะเบียนที่ใด

นอกจากนี้รถคันดังกล่าวมีการต่อทะเบียนหรือต่ออายุภาษีเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 วันสิ้นอายุภาษี 30 มิถุนายน 2568 ทั้งนี้กรมการขนส่งทางบก ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว การตรวจสอบประตูฉุกเฉินพบว่าเปิดได้แต่ไม่ได้หมายความว่าขณะเกิดเหตุ ประตูจะสามารถเปิดได้หรือไม่ เนื่องจากขณะที่ไปตรวจนั้นเป็นการตรวจหลังจากที่รถเกิดอุบัติเหตุไปแล้ว

อย่างไรก็ตามไม่พบค้อนทุบกระจกซึ่งเป็นอุปกรณ์นิรภัยที่ควรจะมีติดไว้ในรถ ส่วนกรณีที่อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยมีมากหรือน้อยต้องไปดูว่าทางกรมการขนส่งทางบกกำหนดมาตรฐานไว้อย่างไร ซึ่งในหลักเกณฑ์และระเบียบมีกำหนดไว้อยู่แล้วว่าอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยต้องจะมีอะไรบ้าง

พร้อมบอกว่าตัวรถไม่มีปัญหาแต่ตัวเครื่องยนต์มีการดัดแปลง ซึ่งการที่นำรถเข้าไปในอู่ที่มีการดัดแปลงนั้นอยากให้มองว่าไม่ใช่การดัดแปลงแต่เป็นการทำขึ้นมาใหม่ เบื้องต้นพบว่ามีถังก๊าซเชื้อเพลิง 11 ถัง แต่จากการตรวจสอบพบว่ามีการขออนุญาตติดตั้งไว้แค่ 6 ถัง ซึ่งจะต้องอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนข้อเท็จจริง ขณะนี้พักใช้ใบอนุญาตผู้ประกอบการขนส่ง พักใช้ใบอนุญาตขับรถของผู้ขับรถ รวมถึงยกเลิกการขึ้นทะเบียนบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่งของบริษัทนี้เป็นที่เรียบร้อย

ซึ่งตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดไว้นั้นบนถนนเส้นที่เหตุมีการจำกัดความเร็วให้รถวิ่งไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นรถคันดังกล่าวใช้ความเร็วอยู่ที่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งในประเด็นนี้รถคันดังกล่าวไม่ได้ใช้ความเร็วเกินที่กฎหมายกำหนด แต่ถึงอย่างไรจะต้องรอผลการตรวจสอบ GPS อย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook