ประวัติ "หลวงปู่บัวเกตุ ปทุมสิโร" พระอริยสงฆ์ที่ "หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ" เคารพศรัทธา

ประวัติ "หลวงปู่บัวเกตุ ปทุมสิโร" พระอริยสงฆ์ที่ "หมอบี" ศรัทธานับถือเป็นครูบาอาจารย์ รู้จัก เหรียญหลวงปู่บัวเกตุ พุทธคุณด้านใด

จากกรณีพิธีกรดัง “มดดำ คชาภา ตันเจริญ” เคยดวงตก จน “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ” ให้พระหลวงปู่บัวเกตุและบอกให้พกติดตัวไว้ 7 วัน โดยหมอบีบอกกับมดดำไว้ว่า “ให้พกไว้เพราะอยากช่วยไง รู้ว่าตอนนี้เขามีปัญหาอยู่” และย้ำตลอดทำนองให้มดดำเลิกเชื่อพวกการมูอะไรได้แล้ว อย่างมงาย ทำให้สังคมต่างให้ความสนใจถึงประวัติของ "หลวงปู่บัวเกตุ" 

ประวัติหลวงปู่บัวเกตุ ปทุมสิโร

พระราชวัชรปัทมคุณ (หลวงปู่บัวเกตุ ปทุมสิโร) เกิด ณ บ้านสวน หมู่ที่ 2 ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม 2477

พ.ศ. 2497 อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดช่องลม โดยมีพระเทพกวี (จั่น วิจญจโล) วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร เป็นพระอุปัชฌาย์
พ.ศ. 2500 สอบได้นักธรรมชั้นเอก
พ.ศ. 2505 เป็นเจ้าอาวาสวัดช่องลมนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
พ.ศ. 2517 เป็นเจ้าคณะตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
พ.ศ. 2518 เป็นรักษาการณ์เจ้าอาวาสวัดศรีมหาราชา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และเป็นรักษาการณ์เจ้าอาวาสวัดโพธิสัมพันธ์ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
พ.ศ. 2562 เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าปางกึ๊ดกิตติธรรม อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่

หลวงปู่บัวเกตุ ปทุมสิโร ท่านเป็นพระมหาเถระที่ได้รับความเคารพนับถืออย่างสูงสุดจากศิษยานุศิษย์ เพราะท่านเป็นพระมหาเถระที่ครบถ้วนด้วยปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ

• ปริยัติ คือการที่หลวงปู่ได้อุทิศชีวิตเพื่อพระศาสนา ท่านศึกษาเล่าเรียนคำสอนของพระพุทธเจ้า ทั้งในพระไตรปิฎกและจากครูบาอาจารย์ด้วยความตั้งใจ
• ปฏิบัติ หมายถึงการปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด และออกเดินธุดงค์ในภาคตะวันออก ภาคอีสาน และภาคเหนือ จนทำให้ท่านลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส เพื่อปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่
• ปฏิเวธ ผลจากการปฏิบัติทำให้ท่านเป็นผู้ชำนาญทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน จนท่านมีวาจาสิทธิ์ และที่สำคัญที่สุดคือหลวงปู่เป็นผู้นำศิษยานุศิษย์เพื่อ ลด ละ กิเลส ออกจากจิตใจให้เบาบางและหมดไปในที่สุด

หลวงปู่ยังได้สร้างวัดในภาคเหนือ เช่น

1. วัดแม่ปาง ตำบลสันติคีรี อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
2. วัดเขานกยูง ตำบลนาขุนไกร อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย
3. วัดป่าแก้วนันทพร ตำบลแม่ลาน้อย อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
4. วัดป่าปางกึ๊ดกิตติธรรม ตำบลอินทขิล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่

หลวงปู่ยังได้ตั้งมูลนิธิเพื่อส่งเสริมการศึกษาแก่เยาวชนในเขตทุรกันดาร และแม้ว่าหลวงปู่จะย้ายไปจำพรรษาในที่ต่าง ๆ ที่ไกลสักเพียงไหน ลูกศิษย์ต่างตามไปกราบสักการะโดยไม่ขาด ปัจจุบันท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าปางกื๊ดกิตติธรรม อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เป็นวัดป่ากลางหุบเขาที่สงบสงัด เป็นสัปปายะสถานของพระกัมมัฏฐานผู้รักความสันโดษอย่างหลวงปู่บัวเกตุ ปทุมสิโร "พระมหาเถระผู้มีจริยวัตรงดงามดั่งดอกบัว"

โอวาทธรรมคำสอนของหลวงปู่บัวเกตุ ปทุมสิโร "ถ้าใจเราถึงพระรัตนตรัยอย่างแท้จริงแล้วแม้กราบที่ไหนก็โดนพระ ตรงกันข้ามถ้าหากใจเราไม่ถึงพระรัตนตรัยแล้ว แม้กราบพระที่ไหนๆก็ไม่โดนพระ ที่สุดแม้กราบที่ตักพระก็ไม่โดนพระไม่ถึงพระเพราะทุกสรรพสิ่งทั่วไตรโลกธาตุนี้มีใจเป็นใหญ่ใจเป็นประธาน ทุกสรรพสิ่งย่อมสำเร็จแล้วได้ด้วยใจ"

ทำไม หมอบี ศรัทธาหลวงปู่บัวเกตุ

หมอบีไปช่วยเคสคนที่เล่นไสยศาสตร์ที่โคราช พยายามแก้แต่แก้ไม่ได้ อยู่ๆ ก็มีคนมาบอกให้สวดคาถานี้ "ฆะเฏสิ ฆะเฏสิ กิงกะระณังฆะเฏสิ อะหังปิตัง ชานามิ ชานามิ" พอสวดแล้วก็แก้เคสนั้นได้ จึงพยายามถามว่าใครเป็นคนที่ช่วย จนได้รู้ว่าเป็นหลวงปู่บัวเกตุ

หมอบีไม่รู้จักหลวงปู่บัวเกตุมาก่อน พอไปเชียงใหม่ก็ไปหาท่านที่วัดป่าปางกึ๊ดกิตติธรรม แต่ไม่เจอ แล้วมีพระลูกวัดมาบอกว่า ไม่ต้องมาหา เดี๋ยวหลวงปู่จะไปหาเอง ตอนที่ได้ฟังหมอบีก็รู้สึกประหลาดใจ แล้วหลวงปู่ท่านก็มาหาหมอบีจริงๆ หมอบีเห็นท่านเป็นกายเนื้อ ในห้องโรงแรมที่พัก คือจู่ๆ ท่านก็ปรากฏตัวต่อหน้าหมอบี พูดคุยธรรมะ สอนกรรมฐานด้วย ย้ำว่าไม่ได้ฝัน ละเมอ หรือเมาแต่อย่างใด และจนถึงทุกวันนี้ยังไม่รู้ว่า พระลูกวัดที่มาคุยกับหมอบีเป็นใคร 

เหรียญหลวงปู่บัวเกตุ

 เหรียญ 90 ปี หลวงปู่บัวเกตุ ปทุมสิโร จะนำรายได้จากการจัดสร้างเหรียญหลังหักค่าใช้จ่าย มอบให้กองทุนพระราชวัชรปัทมคุณ เพื่อการบูรณะองค์พระเจดีย์ให้สมบูรณ์ และบูรณเสนาสนะของวัดป่าปางกึ๊ดฯ และกิจกรรมอื่นๆ ของหลวงปู่บัวเกตุ ปทุมสิโร ซึ่งตามแต่เห็นสมควรของท่าน

ด้านหน้าเหรียญปรากฏใบหน้าหลวงปู่ยิ้มด้วยความเมตตา ด้านซ้ายมือของหลวงปู่ มียันต์น้ำเต้าซึ่งเป็นยันต์ประจำตัวของท่าน วางอยู่บนดอกบัวบาน 

ด้านหลังเหรียญเป็นรูปเจดีย์หลวงปู่บัวเกตุ ในส่วนของยอดเจดีย์ ปรากฏพระคาถายอดศีล (หัวใจพระไตรสรณคม) คือ "พุท ธะ สัง มิ" และคาถากาสลัก คือ "จะ ภะ กะ สะ" 

โดยคาถายอดศีล "พุท ธะ สัง มิ" ครูบาอาจารย์ในอดีตวางอุปเท่ห์วิธีใช้ไว้มากมาย ใช้ได้รอบด้าน เป็นยอดพระคาถาทางเมตตา ทางอยู่ยงคงกระพันก็ใช้ได้ ท่านเรียกว่าฝอยท่วมหลังช้างแล โดยมีความหมายอีกนัย ดังนี้

 พุท =พระพุทธเจ้า ธะ = พระธรรมเจ้า  สัง = พระสงฆเจ้า  มิ = ตัวเรา รวมเเล้วหมายถึง การที่เรามี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง ที่ระลึกนึกถึง เป็นสรณะ อันเกษมอย่างสูงสุด