บอย ปกรณ์ ในโหนกระแส ตาแดงก่ำฟังผู้เสียหาย เขาสูญเสียเพราะผม ลั่นแตกหัก "ดิ ไอคอน"
บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ หนึ่งในพรีเซนเตอร์ของ ดิ ไอคอน กรุ๊ป พูดในรายการ โหนกระแส มีชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ ในมุมของตน โดยยืนยันว่าตนเป็นเพียงหนึ่งในพรีเซนเตอร์ โปรโมตสินค้า ถ่ายวิดีโอ ภาพนิ่งโปรโมตสินค้า แบะให้มีไปออกอีเวนต์ ไปออกรายการต่างๆ เพื่อโปรโมตสินค้า ไม่ได้เป็นผู้บริหาร ไม่ได้เป็นบอสบอย แต่ก็ยอมรับว่า มีคลิปที่แชร์กันในโซเชียลมีเดีย เป็นคลิปที่บอยพูดบนเวทีงานประจำปีของดิไอคอน มีสคริปต์ให้ตนพูดให้กำลังใจคนที่ทำธุรกิจ เป็นการเสริมแรงให้บรรดาลูกข่ายมั่นใจในตัวบริษัท ซึ่งมีคลิปที่คนแชร์กันเยอะมากในโลกออนไลน์ เป็นคลิปที่บอยพูดถึงการวางระบบงานของบริษัท ดิ ไอคอน ที่เป็นเหมือนอาวุธสำหรับคนที่มาทำธุรกิจออนไลน์กับเขา
บอยยืนยันว่า มันเป็นสคริปต์ที่เขียนมาให้เราพูด ทีมงานเขาบรีฟมาแล้ว ว่าพิธีกรจะถามเราแบบนี้ ต้องตอบแบบนี้ มีทั้งสคริปต์ตัวหนังสือ และที่ทีมงานบรีฟปากเปล่า วันนี้มาเห็นสิ่งที่มันเกิดขึ้น ก็ยอมรับว่ามันเป็นความผิดพลาดของเราจริงๆ ความเสียหายมันเกิดขึ้นจากสิ่งที่เราพูดจริงๆ ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ วันนี้ออกมาพูดในข้อเท็จจริง ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ หรือใครจะด่าว่าตนแถ ก็เป็นเรื่องที่ตนต้องยอมรับสภาพให้ได้
ขณะที่มีผู้เสียหายฝากข้อความผ่าน อดีตแม่ข่าย มาพูดในรายการว่า ที่เขาตัดสินใจมาร่วมธุรกิจนี้ เพราะเขารักบอย ปกรณ์มาก ถ้าบอยเลือกแล้ว เขาก็ตัดสินใจทำเลย ไม่ต้องคิดเยอะ ดังนั้นหากถามว่าบอยมีส่วนทำให้คนหลงเชื่อไหม ก็ต้องยอมรับว่ามีส่วนจริงๆ
บอยบอกว่า ตนได้ฟังแล้วจุกอกจริงๆ ก็ต้องยอมรับว่า อาชีพเราเป็นดารา เป็นนักแสดง เกิดมาได้ก็เพราะประชาชนรักและศรัทธาในตัวเรา แล้วเราทำให้ความเชื่อมั่นศรัทธานั้นมันกลายเป็นการหลงเชื่อ นำไปสู่ความเสียหาย ก็ต้องยอมรับว่าเราผิดจริงๆ เรามีส่วนให้คนเสียหายจริงๆ
บอยยังบอกอีกว่า รู้สึกว่าตัวเองถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือ ไปทำร้ายคนที่รักตน คนที่หลงเชื่อเขาเป็นประชาชนที่เชื่อมั่นในตัวเรา ถ้าเรื่องราวมัเกิดขึ้นมาแบบนี้ จากบริษัทที่ตนไปร่วมงานด้วย แล้วทำให้คนเกิดความสูญเสีย ตนพร้อมจะหักกับดิ ไอคอน ไม่ต้องกังวลเลย และเมื่อเช้านี้ บอยได้ให้ทนายความร่างหนังสือขอยกเลิกสัญญาการเป็นพรีเซนเตอร์ ส่งไปในทุกช่องทาง เพื่อให้มีผลว่าหลังจากนี้ ตนไม่ร่วมสังฆกรรมอะไรกับบริษัทนี้อีก แต่ในส่วนที่เสียหายไปแล้วก่อนหน้านี้ ก็ต้องยอมรับผลกันไปตามกระบวนการ