สำคัญมาก! หมอย้ำ 3 สัญญาณ "ตับพัง" เช็กได้ตอนเข้าห้องน้ำ แต่คนส่วนใหญ่รู้สายไป
หมอเตือนแล้วนะ สัญญาณ "ตับพัง" เช็กได้จาก 3 ความผิดปกติตอน "เข้าห้องน้ำ" หลายคนรู้เมื่อสายไป
นอกจากโรคไตหรือโรคกระเพาะแล้ว ความผิดปกติในการเข้าห้องน้ำยังสามารถเป็น "เสียงร้องขอความช่วยเหลือ" จากตับได้อีกด้วย น่าเสียดายที่ไม่ใช่ทุกคนจะสังเกตเห็น
ในชีวิตสมัยใหม่ที่ยุ่งวุ่นวายกับสิ่งต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ผู้คนมักจะเพิกเฉยต่อสัญญาณเล็กๆ น้อยๆ จากร่างกายตนเอง ขณะเดียวกัน ดร.หยาง ลี่หัว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านตับและถุงน้ำดี จากประเทศจีน ได้ออกมาเตือนว่า “ตับ” เป็นอวัยวะที่ก่อให้เกิดโรคอย่างเงียบๆ ทำให้ยากต่อการตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะกับโรคตับแข็ง
“โรคตับแข็ง เป็นภาวะทางการแพทย์ที่ร้ายแรงของตับ ซึ่งเนื้อเยื่อตับได้รับความเสียหาย และค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยเนื้อเยื่อแผลเป็น” คุณหมอกล่าว โรคนี้ก่อให้เกิดอันตรายตามมามากมาย เช่น ตับวาย เลือดออก น้ำในช่องท้อง ความผิดปกติทางจิต พัฒนาเป็นมะเร็งตับ ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง และทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายด้วย
เมื่อเกิดโรคตับแข็ง การทำงานของตับจะได้รับผลกระทบ และมีความผิดปกติมากมายเกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกร่างกายมีความผิดปกติที่สำคัญมาก 3 ประการ ที่สามารถสังเกตได้ในระหว่างเข้าห้องน้ำ แต่น้อยคนนักที่จะใส่ใจ
1. ปัสสาวะสีเข้มผิดปกติ
โดยปกติปัสสาวะจะมีสีเหลืองอ่อน หากคุณเห็นปัสสาวะที่มีสีเดียวกับชาที่เข้มข้น และยังคงมีสีเข้มเช่นนั้นเป็นเวลานาน นี่อาจเป็นสัญญาณของปัญหาตับ
ดร.หยาง อธิบายว่า “เมื่อตับได้รับความเสียหาย การทำงานของเซลล์ตับจะลดลง ส่งผลต่อการเผาผลาญบิลิรูบิน เมื่อตับไม่สามารถประมวลผลบิลิรูบินได้ตามปกติ มันจะเข้าสู่กระแสเลือด และถูกขับออกทางปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะมีสีเข้มขึ้น ผู้ป่วยโรคตับแข็งบางรายอาจสังเกตเห็นว่าปัสสาวะมีสีเข้มขึ้น ตั้งแต่สีเหลืองอ่อนไปจนถึงสีเหลืองเข้ม หรือแม้แต่สีน้ำตาลหรือสีแดง”
2. อุจจาระมีสีซีด
สีอุจจาระปกติคือสีน้ำตาลหรือน้ำตาลเหลือง หากอุจจาระกลายเป็นสีซีดเหมือนดินเหนียว ดร. หยาง เตือนว่าอาจเป็นสัญญาณของการขับถ่ายน้ำดีไม่ดี นี่เป็นอาการที่สำคัญของโรคตับและท่อน้ำดี โดยเฉพาะโรคตับแข็ง
สาเหตุก็คือตับผลิตน้ำดี ซึ่งไหลเข้าสู่ลำไส้ผ่านท่อน้ำดี และมีส่วนร่วมในการย่อยและดูดซึมอาหาร เมื่อโรคตับแข็งทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อการทำงานของตับ การขับน้ำดีจะได้รับผลกระทบ ส่งผลให้อุจจาระมีสีซีดมากขึ้น และค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว
3. ท้องเสียบ่อยๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ
โรคท้องร่วง มักเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของกระเพาะอาหารและลำไส้ แต่ก็อาจเป็นโรคตับได้เช่นกัน ในการปฏิบัติทางคลินิก อาการท้องร่วงบ่อยครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ (โดยไม่รวมปัจจัยทางอาหาร) มักเป็นอาการเริ่มแรกของโรคตับแข็ง
ตามที่ ดร. หยาง กล่าว “โรคตับแข็งอาจส่งผลต่อการทำงานปกติของลำไส้ ทำให้เกิดการดูดซึมผิดปกติและการเคลื่อนไหวของลำไส้เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดอาการท้องร่วง ผู้ป่วยบางรายอาจเข้าใจผิดว่าตนเองมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารเท่านั้นอย่างไรก็ตาม หากยังมีอาการท้องร่วงอยู่ และมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เหนื่อยล้า เบื่ออาหาร และท้องอืด ควรระวังความเป็นไปได้ที่จะเป็นโรคตับแข็ง ผู้ป่วยโรคตับแข็งจำนวนมากมักมีอาการท้องเสียซ้ำๆ ในระยะแรก ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หลายครั้งต่อวัน”
ในท้ายที่สุด ดร.หยาง เตือนว่าสัญญาณข้างต้นอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นโรคตับเสมอไป สิ่งสำคัญคือต้องไม่ตื่นตระหนก แตาขณะเดียวกันก็ห้ามทำเป็นไม่ใส่ใจ แต่ไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และรับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ หากจำเป็น
- รู้ไว้ดีกว่า! หมอเจออีกเคส "มะเร็งผิวหนัง" ต้นเหตุคือนิสัย "อาบน้ำ" แบบหลายคนชอบทำ
- แพทย์อังกฤษแนะ ผลไม้ 1 ชนิด ช่วยบรรเทา "เมารถ" ที่ไทยหาง่าย ขายไม่ถึง 10 บาท!