แรงงานไทยเสียชีวิตในอิสราเอล เคยรอดมาได้แต่กลับไปอีก บอกเมีย "อยู่ที่ไหนก็ต้องตาย"
แรงงานไทยเสียชีวิตในอิสราเอล เคยรอดมาได้แต่กลับไปอีก แม้ครอบครัวจะห้าม เผยความตั้งใจสุดท้าย ไม่อยากให้ลูกเมียลำบาก
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 12 ตุลาคม 2567 นางจีราวรรณ รินทะรึก ประกันสังคมจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย ว่าที่ ร.ต.สมชาย ละอองทอง รักษาการจัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์, นายอำนาจ เข็มเพชร นักวิชาการแรงงานชำนาญการ รักษาการแทนแรงงานจังหวัดบุรีรัมย์, นายจีรวัตร สื่อประสาน ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานบุรีรัมย์ 37 และนายเทิดพันธ์ ครอบทอง นายอำเภอกระสัง ได้ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจและแสดงความเสียใจกับครอบครัวของนายนิสันต์ มีรัมย์ อายุ 42 ปี ที่บ้านกะโลง หมู่ 8 ตำบลกันทรารมย์ อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์
ทั้งนี้ ทางการอิสราเอลและสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้แจ้งข่าวว่านายนิสันต์ ซึ่งเป็นแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานด้านเกษตรกรรมที่อิสราเอลรอบที่สองเมื่อเดือนมิถุนายน 2567 เสียชีวิตจากการระเบิดของกระสุน ที่ตกค้างในพื้นที่ทำงานในไร่แอปเปิลเมื่อเช้าวันที่ 12 ตุลาคม 2567 โดยนางพฤกษา มีรัมย์ อายุ 43 ปี ภรรยาของนายนิสันต์ และลูกทั้งสองคน ได้แก่ น.ส.นภัสสร อายุ 18 ปี และ ด.ช.แทนคุณ อายุ 13 ปี ต่างโศกเศร้าและไม่สามารถทำใจได้กับการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
นางพฤกษา ภรรยาของนายนิสันต์ ได้เล่าทั้งน้ำตาว่าสาเหตุที่สามีตัดสินใจไปทำงานที่อิสราเอลนั้น เนื่องจากครอบครัวมีหนี้สินจำนวนมาก รวมถึงหนี้สินจากการกู้เงิน ธกส. มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท สามีของเธอเดินทางไปทำงานครั้งแรกในปี 2563 และกลับมาในเดือนตุลาคม 2566 เนื่องจากเกิดสงครามในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม นายจ้างในอิสราเอลได้ขอให้กลับไปทำงานอีกครั้งเนื่องจากสัญญายังไม่ครบกำหนด แม้ว่าครอบครัวจะเป็นห่วงและพยายามห้าม แต่สามีของเธอกล่าวว่า "อยู่ที่ไหนก็ต้องตาย ถ้าจะตายก็ไม่อยากให้ลูกเมียลำบาก" จึงตัดสินใจกลับไปทำงานอีกครั้งเมื่อเดือนมิถุนายน 2567
ร.ต.สมชาย ละอองทอง รักษาการจัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าหลังทราบข่าวการเสียชีวิตของแรงงานไทย ทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัว ทั้งนี้ ยังไม่มีการยืนยันการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการเนื่องจากอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลจากทางการอิสราเอล เมื่อกระบวนการนี้เสร็จสิ้นจะดำเนินการส่งร่างกลับประเทศไทยเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป รวมถึงการประสานเรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ครอบครัวควรจะได้รับ