มาร์ค เตือนสหรัฐอย่ากดดันไทยกรณี วิคเตอร์ บูท
นายกรัฐมนตรีเตือนสหรัฐอย่ากดดันไทยกรณี "วิคเตอร์ บูท" ระบุทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย และขอให้เคารพในสิทธิของประเทศไทยด้วย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ทางการสหรัฐอเมริกานำเครื่องบินเจ็ทมาจอด รอรับนายวิคเตอร์ บูท ผู้ต้องหาคดีค้าอาวุธสงคราม ว่า สหรัฐจะมากดดันด้วยการนำเครื่องบินมารอรับไม่ได้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ขณะนี้ยังมีคดีที่ 2 เกี่ยวกับการฟอกเงิน ที่สหรัฐ เป็นผู้ยื่นฟ้องเพิ่มเติมเข้ามา รวมถึงมีแนวปฏิบัติต่างๆ อีกมาก ส่วนทางการสหรัฐจะถอนฟ้องคดีที่ 2 ออกไปแล้วหรือไม่นั้น เรื่องนี้ต้องสอบถามอัยการ เพราะอัยการเป็นผู้ส่งฟ้อง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากการพิจารณาเรื่องเกี่ยวกับนายวิคเตอร์ บูท ไม่ทัน ช่วงเวลา 3 เดือน ตามที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ส่งตัว นายวิคเตอร์ บูท ให้สหรัฐ กฎหมายยังอนุญาตให้ขยายเวลาได้ ดังนั้น ยังมีหลายเรื่องที่จะต้องได้ข้อยุติก่อน ไม่เกี่ยวกับการนำเครื่องบินมาจอดรอ และวันนี้ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาหารือ เพื่อทำความเข้าใจ
"สหรัฐควรจะเข้าใจว่ากระบวนการยังไม่จบ ตามกฎหมายก็ถือว่า เป็นดุลยพินิจของฝ่ายบริหารอีกชั้นหนึ่งด้วย ฉะนั้น ไม่ควรที่จะมากดดันอะไรทั้งสิ้น เรื่องนี้เป็นดุลยพินิจของเรา และเป็นไปตามกฎหมายของเรา รัฐบาลไม่ได้เตะถ่วง ทุกประเทศก็ต้องเคารพอธิปไตย และสิทธิของแต่ละประเทศตามสนธิสัญญา เราจะไม่ไปบิดพลิ้ว หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เราจะทำตามกฎหมาย แต่อะไรที่เป็นดุลยพินิจของเรา เรามีเวลาที่จะพิจารณา เพราะนั่นคือสิทธิของเรา" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางการรัสเซียจะเข้าใจประเทศไทยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้อาจมีความกระทบกระเทือน หรือมีผลความเข้าใจของมิตรประเทศ ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ จะให้บอกว่ายุติภายใน 1-2 วัน คงเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าทางการไทยสามารถทำทุกอย่างให้ตรงไปตรงมา หรือหาทางออกที่ดีได้ ก็จะเป็นประโยชน์ที่สุด ดังนั้น จึงได้ย้ำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่าไปตกอยู่ภายใต้แรงกดดันของประเทศหนึ่งประเทศใด ประเทศไทยต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับมิตรประเทศทุกประเทศ และมิตรประเทศก็ต้องเข้าใจในการที่ประเทศไทย ต้องคำนึงถึงตรงจุดนี้ด้วย
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปพบกับ นายวิคเตอร์ บูท ในเรือนจำ ว่า ขอให้สอบถามนายศิริโชค ที่ผ่านมาฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ออกมายืนยันหมดแล้วว่า ไม่มีการใช้อำนาจไปต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น คนที่ต้องรับผิดชอบคำพูดมากกว่าคือ คนที่สร้างเรื่องขึ้นมา และสร้างความเสียหายให้กับรัฐบาล และกระบวนการยุติธรรม
"การเดินทางไปพบ ก็มีสิทธิ์และมีกฎเกณฑ์อยู่ นายศิริโชคก็ทำตามกฎ และได้มาแจ้งเรื่องดังกล่าวให้ผมทราบ ผมก็เห็นว่าไม่น่าจะมีอะไรเป็นปัญหา" นายกรัฐมนตรี กล่าว.